สหรัฐเพิ่มความเข้มงวดกรณียกเว้นวีซ่า

ทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวานว่าต่อจากนี้นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นการขอวีซ่าจะต้องผ่านการตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น โดยจะต้องแจ้งด้วยว่าเคยเดินทางไปประเทศที่อยู่ในกลุ่มประเทศที่เป็นแหล่งซ่องสุมผู้ก่อการร้ายตามบัญชีดำของกระทรวงความมั่นคงภายในหรือไม่

มาตรการล่าสุดเป็นอีกความพยายามเพิ่มความเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมือง หลังเกิดเหตุก่อการร้ายโจมตีกรุงปารีสในฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 13 พ.ย.และเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวมุสลิมในยุโรปที่ได้รับการฝึกฝนโดยกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรักขณะที่ปัจจุบันมีการเพิ่มการตรวจสอบผู้ยื่นขอวีซ่าที่มาจากพื้นที่สงครามด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้นอยู่แล้ว

นอกจากนี้กระทรวงความมั่นคงภายในอาจพิจารณาโครงการนำร่องที่จะเก็บข้อมูลชีวภาพ เช่น ลายนิ้วมือจากนักท่องเที่ยวที่ได้รับยกเว้นวีซ่า รวมถึงจะขอให้สภาคองเกรสเพิ่มอำนาจให้สามารถลงโทษปรับสายการบินที่บกพร่องในการตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้โดยสาร และขอให้ผู้โดยสารใช้หนังสือเดินทางที่ฝังข้อมูลชีวภาพในไมโครชิพ

และทำเนียบขาวอยากให้ขยายอำนาจให้เจ้าหน้าที่สหรัฐที่ประจำตามสนามบินต่างประเทศสามารถตรวจสอบและเก็บข้อมูลทางชีวภาพของผู้โดยสารที่ได้รับยกเว้นวีซ่าก่อนขึ้นเครื่องบินไปยังสหรัฐได้ โดยหวังว่าสภาจะอนุมัติร่างกฎหมายนี้ภายในปลายเดือนก่อนหยุดพักช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

ปัจจุบันมี 38 ประเทศที่ได้รับยกเว้นการขอวีซ่าจากสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นชาติพันธมิตรและประเทศที่มีประชาธิปไตยก้าวหน้ามั่นคง และประชากรไม่น่าเป็นภัยคุกคาม และในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวราว 20 ล้านคนเข้าประเทศภายใต้การยกเว้นวีซ่า โดยจะสามารถอยู่ในสหรัฐเพื่อท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจได้นานถึง 90 วัน