หวั่นการเมืองกัมพูชา ถึงจุดอันตราย

เว็บไซท์ศูนย์ข่าวของสหประชาชาติ เผยแพร่รายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ OHCHR ที่มีเนื้อหาแสดงความวิตกเกี่ยวกับการเจรจาที่ล้มเหลวระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ของกัมพูชา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ เตือนว่า กัมพูชาอาจก้าวไปสู่จุดพลิกผันอันตราย ที่จะนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวกัมพูชา
โรนา สมิธ ทูตพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกัมพูชา กล่าวว่า หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บนความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างสองพรรคการเมืองหลัก ที่มาพร้อมกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่รวมทั้ง เหตุการณ์ความรุนแรง การข่มขู่ และการใช้ภาษาเพื่อการโจมตีในวาทกรรมการเมือง
คำเตือนของสมิธมีขึ้นหลังจากนายสม รังสี ผู้นำพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ CNRP ถูกเรียกตัวขึ้นศาลในวันที่ 4 ธ.ค.ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จว่ากัมพูชาได้สูญเสียดินแดนบางส่วนให้กับเวียดนาม ทั้งยังยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบด้านความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในกรุงพนมเปญ
นอกจากนี้สม รังสียังถูกศาลออกหมายจับเมื่อ 13 พ.ย.ในคดีหมิ่นประมาทนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อปี 2554 เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังเขาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ในประเทศ โดยอ้างการเลือกตั้งที่ประสบความสำเร็จของพรรคฝ่ายค้านในเมียนมาร์ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ว่า เป็นแบบอย่าง ทำให้ถูกนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ขู่ว่าจะดำเนินคดีรอบใหม่ และหลังจากนั้น เขาถูกเพิกถอนเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 16 พ.ย. ซึ่งนายสม รังสี กล่าวหาว่าผู้นำกัมพูชาพยายามทำลายความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน
นายสม รังสี ยกเลิกแผนการเดินทางกลับกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังถูกถอนเอกสิทธิ์คุ้มครอง ซึ่้งอาจทำให้เขาต้องรับโทษจำคุก 2 ปี ขณะที่ทูตพิเศษสหประชาชาติ บอกว่า ไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองภายในของกัมพูชา หรือ แสดงความเห็นในคดีของสม รังสี แต่รู้สึกวิตกกังวลอย่างมากที่หลายข้อกล่าวหา ละเมิดการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ รวมทั้งสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในชีวิตทางการเมือง
นายสม รังสี ต้องลี้ภัยมาแล้ว 3 ครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุกที่เขาระบุว่าเป็นข้อหาทางการเมืองที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน