อินโดฯ รับความช่วยเหลือดับไฟป่าจาก ตปท.

แม้รัฐบาลอินโดนีเซีย จะระดมกำลังตำรวจและทหารกว่า 2,000 นาย เพื่อช่วยกันดับไฟป่าที่กำลังลุกลาม แต่เจ้าหน้าที่จังหวัดกะลิมันตันใต้ ต้องใช้มือช่วยเพราะขาดอุปกรณ์ โดยตำรวจในจังหวัดกะลิมันตันใต้ ต้องใช้กิ่งไม้ช่วยดับไฟป่า เนื่องจากมีอุปกรณ์ดับเพลิงไม่เพียงพอ และทีมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 50 คน แทบจะต้องใช้วิธีดับไฟด้วยมือเปล่า เพราะไม่สามารถจัดหาน้ำและสายยาง ที่เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดับเพลิง

ซึ่งวิกฤตไฟป่าในอินโดนีเซียปีนี้ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศเข้าใกล้ขั้นรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในอินโดนีเซียนั้น มีหมอกควันปกคลุมหนาทึบ พิสัยการมองเห็นไม่เกิน 50 เมตร

สำนักงานการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ หรือ BNPB ระบุว่า ต้องการเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพในการบรรทุกน้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและบินได้ระยะไกลขึ้น เช่น เครื่องบินเบริเยฟ เบ- 200 ของรัสเซีย หรือ ซีแอล-245 ของแคนาดา เพื่อดับไฟป่าที่เป็นสาเหตุของหมอกควันที่ลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาค และพร้อมเปิดรับความช่วยเหลือจากเพื่อบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย รวมทั้งชาติอื่นๆ ถ้าสิงคโปร์และมาเลเซีย ได้รับไฟเขียวให้เข้าไปช่วย พวกเขาก็จะนำเครื่องบินในแบบที่อินโดนีเซียต้องการเข้าไปด้วย

ซึ่งเครื่องบินซีแอล-245 หรือ รุ่นที่ใหม่กว่าอย่าง ซีแอล 415 สามารถบรรทุกน้ำได้มากกว่า 6,000 ลิตร ส่วนเครื่องบินเบริเยฟ สามารถบรรทุกน้ำได้มากกว่าถึง 2 เท่า ขณะที่ปัจจุบัน อินโดนีเซียใช้เฮลิคอปเตอร์ ที่บรรทุกน้ำได้เพียงแค่ 500 ลิตร

สถานการณ์ไฟป่าบนเกาะสุมาตราและกะลิมันตัน ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดหมอกควันลุกลามไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาะเซบูของฟิลิปปินส์และจังหวัดทางภาคใต้ของไทย

นายลุคมาน เอดี รองประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรอินโดนีเซีย เสนอให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษเพื่อตรวจสอบบริษัทที่มีส่วนแผ้วถางป่าและทำให้เกิดไฟป่าในเกาะสุมาตราและจังหวัดกะลิมันตันบนเกาะบอร์เนียวของอินโดนีเซีย และตรวจสอบการตัดสินใจของรัฐบาลที่ยังไม่ประกาศให้ไฟป่าและหมอกควันในขณะนี้เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ ทั้งที่ประชาชนกว่า 3 แสนคน ต้องเข้ารับการรักษา

เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เที่ยวบินถูกยกเลิกจำนวนมาก และกระทบต่อความสัมพันธ์กับมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากหมอกควัน ด้านรัฐบาลมาเลเซีย ได้เตรียมผลักดันร่างกฎหมายที่กำหนดบทลงโทษแก่บริษัททั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศกรณีมีส่วนรับผิดชอบทำให้เกิดหมอกควันจากไฟป่า

เพราะตอนนี้ไม่สามารถดำเนินคดีกับบริษัทอินโดนีเซียได้ และยังไม่มีกฎหมายเหมือนในสิงคโปร์ ซึ่งก็คือ กฎหมายว่าด้วยมลพิษหมอกควันข้ามพรมแดน ที่กำหนดลงโทษปรับ 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ต่อบริษัทที่ก่อให้เกิดหมอกควันในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพในสิงคโปร์