ปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าในอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีกลายเป็นปัญหาระดับภูมิภาคในแทบจะทุกปีเช่นกัน เมื่อกระแสลม พัดเอาควันไฟลอยขึ้นเหนือ มายังบรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย และบางส่วนของไทย และฟิลิปปินส์ หรือมากกว่าครึ่งของกลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีอยู่ 10 ประเทศ เรื่องนี้สร้างความเดือดร้อน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนจำนวนมาก และเศรษฐกิจ โรงเรียนเป็นร้อยแห่งต้องปิดการเรียนการสอน
เชื่อกันว่า การเผาป่าในหลายจุดมีบริษัทที่ผลิตน้ำมันปาล์มของมาเลเซียและสิงคโปร์อยู่เบื้องหลัง เพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับการทำสวนปาล์มน้ำมัน
และเรื่องนี้ก็นำไปสู่การวิวาทะกันระหว่างอินโดนีเซียกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซียก็ออกมาเรียกร้องให้อินโดนีเซียดำเนินการกับบริษัทที่รับผิดชอบต่อการเผาป่า
โดยบอกว่า แค่อินโดนีเซียประเทศเดียวก็สามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับบริษัทเหล่านี้ได้แล้ว รัฐมนตรีศึกษาธิการก็บอกว่า มาเลเซียจะไม่ยอมรอมชอมกับทุกสิ่งที่มาทำอันตรายกับเด็กนักเรียนมาเลเซีย มีการเรียกร้องให้อินโดนีเซียรับรองบันทึกความเข้าใจเรื่องการแก้ปัญหาหมอกควัน ซึ่งเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหา มีการเสนอความช่วยเหลือเรื่องการดับไฟ แต่ก็ไม่มีการขอความช่วยเหลือเข้ามา
ในส่วนของสิงคโปร์ ก็เสนอความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน ตอนแรกอินโดนีเซียก็ยอมรับความช่วยเหลือ แต่ต่อมาก็ปฏิเสธ แต่สิงคโปร์ ก็ยังคงเดินหน้าเสนอการให้ความช่วยเหลือต่อไป
ด้านประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย บอกว่าปัญหาหมอกควันไม่ใช่ปัญหาที่แก้ได้ง่ายๆ แต่ยืนยันว่า ประเทศดำเนินการไปมากมายในการแก้ปัญหา และผลของการดำเนินการจะปรากฏในเร็วๆ นี้ และใน 3 ปี ปัญหาจะได้รับการแก้ไข
ขณะที่ ส.ส.อินโดนีเซียรายหนึ่งออกมาขอโทษต่อมาเลเซียและอินโดนีเซีย รองประธานาธิบดียูซุฟ คัลล่า ออกมาตอกย้ำท่าทีของตัวเองอีกครั้งว่าอินโดนีเซียไม่มีพันธะที่จะต้องขอโทษใคร เพราะไฟป่าดำเนินไปอย่างมากก็แค่เดือนเดียว แต่มาเลเซียและสิงค โปร์ ก็ไม่เคยขอบคุณอินโดนีเซียสำหรับอากาศบริสุทธิ์จากป่าของอินโดนีเซียนานหลายเดือนในยามที่มันไม่มีไฟ
พร้อมกันนั้น เขาก็ยังพูดถึงสิงคโปร์ว่า ให้เข้ามาช่วยอินโดนีเซียเลย ถ้าอยากจะช่วยอย่าดีแต่พูด แต่ขณะเดียวกัน หน่วยงานอื่นของประเทศก็ไม่ให้สิงคโปร์เข้ามาช่วยโดยบอกว่า ประเทศมีศักยภาพเพียงพอในการจัดการกับวิกฤติ