มหาอุทกภัยในเมียนมาร์ ยูเอ็นคาดยอดตายพุ่งขึ้นอีก

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมในเมียนมาร์ อาจเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่รัฐบาลประกาศใน 4 พื้นที่ทางภาคตะวันตกเป็นเขตภัยพิบัติแห่งชาติ หลังประสบอุทกภัยอย่างหนัก อันมีสาเหตุ
มาจากฝนตกในฤดูมรสุม และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน แต่ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังเข้าไปไม่ถึงในอีกหลายพื้นที่ และยังคงรอรายงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่รัฐมณีปุระ ทางตะวันออกของอินเดีย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเมียนมาร์ มีรายงานดินถล่มฝังกลบหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 คน

ฝนตกหนักเป็นเรื่องปกติในฤดูมรสุม แต่อิทธิพลของพายุไซโคลนโคเมน ได้ทำให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก เมื่อวันอาทิตย์ สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNOCHA ระบุว่า มีประชาชนราว 156,000 คน ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ใน 12 เขต แต่จำนวนอาจเพิ่มสูงกว่านี้ และความเสียหายยังขยายไปยังค่ายพักพิงชั่วคราวของชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่
ส่วนเมืองกะแล ที่มีประชาชนอาศัยอยู่ราว 4 แสนคน สามารถเข้าถึงได้โดยทางอากาศเท่านั้น และที่รัฐฉิ่น ที่มีประชากร 40,000 คน มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 100 หลังคาเรือน และไม่สามารถเข้าถึงได้โดยทางบก เนื่องจากดินถล่ม
เจ้าหน้าที่กาชาดเมียนมาร์ ระบุว่า ประเทศกำลังเผชิญภัยพิบัติครั้งใหญ่ ขณะที่เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศ คาดการณ์ว่า หลายรัฐจะเผชิญฝนตกต่อไปอีก 2 วัน รวมทั้ง รัฐฉิ่น, ยะไข่และมาเกว ขณะที่ประชาชนจำนวนมากต้องไปอาศัยหลบภัยอยู่ตามวัด แต่มีรายงานว่า ที่หลบภัยบางแห่งไม่ยอมรับชาวมุสลิมโรฮิงญา
หนังสือพิมพ์เบอร์มา ไทม์ส รายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่ยอมให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาเข้าไปพักพิงที่โรงเรียนร้างและศูนย์บริการชุมชนในรัฐยะไข่
กระทรวงเกษตรและชลประทาน เปิดเผยว่า พื้นที่ปลูกข้าวหลายล้านไร่ ถูกน้ำท่วม ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ได้ลงพื้นที่ประสบภัยพิบัติรุนแรงที่สุด และกล่าวที่เมืองกะเลว่า ระดับน้ำค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ และหวังว่าประชาชน จะสามารถกลับไปยังบ้านเรือนได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งฝนตกที่หนักติดต่อสองสัปดาห์ ได้ส่งผลให้พื้นที่ถูกตัดขาดจากการขนส่งทางบก และรัฐบาลได้วางแผนจะเริ่มการซ่อมแซมหลังจากชาวบ้านกลับคืนสู่บ้านเรือนแล้ว

ภาพทางโทรทัศน์ ได้แสดงให้เห็น ผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้อาศัยกันอยู่ที่วัด ซึ่งเป็นสถานที่แจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ จากรายงานของสหประชาชาติ ระบุว่า ยังขาดข้อมูลจากรัฐยะไข่ ที่เผชิญพายุรุนแรงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจากรายงานเบื้องต้น พบว่า ค่ายพักพิงและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ภายในค่ายพักพิงรอบๆ เมืองซิตตะเว ซึ่งเป็นที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นกว่า 1 แสนคน
นายเอมอนน์ เมอร์ฟีย์ ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมและการย้ายถิ่นของสหประชาชาติ แถลงว่า สหประชาชาติและองค์กรด้านมนุษยธรรมต่างๆ ได้เสนอให้ความช่วยเหลือและกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเมียนมาร์ในระดับท้องถิ่น, ระดับรัฐและระดับสหภาพ เพื่อประเมินความจำเป็นเร่งด่วน และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและความจำเป็นเร่งด่วน เช่น น้ำสะอาด, สุขอนามัย, ที่พักพิง, อาหารและอื่นๆ