จากการประเมินขององค์การอนามัยโลกเมื่อปี 2554 ระบุว่า เนปาลซึ่งมีประชากร 28ล้านคน มีแพทย์เพียง 2.1 คนและเตียงคนไข้เพียง 50 เตียงต่อประชากรทุก 10,000 คนแต่แผ่นดินไหวขนาด 7.8 เมื่อวันเสาร์ที่เป็นครั้งรุนแรงที่สุดใน 81 ปี ได้สร้างวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งร้ายแรง มีผู้เสียชีวิตกว่า 3,200 คนและผู้บาดเจ็บอีกกว่า 6,500 คน
ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นอีก และทำให้สถานการณ์ด้านสาธารณสุขเลวร้ายยิ่งขึ้น โรงพยาบาลไม่มีเตียงคนไข้ว่างพอรองรับผู้บาดเจ็บ ทำให้ต้องแพทย์ต้องทำการผ่าตัดผู้บาดเจ็บภายในเต้นท์ที่ตั้งอยู่กลางแจ้งโดยมีผู้บาดเจ็บรออยู่ด้านนอกโรงพยาบาลจำนวนมาก และผู้ป่วยบางคนได้รับการร้องขอให้ออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดเพื่อให้มีเตียงรองรับผู้บาดเจ็บที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้กองทุนเด็กแห่งสหประชาชาติประเมินว่า มีเด็กเกือบ 1 ล้านคนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากแผ่นดินไหว ซึ่งปัญหาที่น่าวิตกที่สุดคือการเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขอนามัย และเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์กำลังจับตาอาจเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อและเชื้อโรคที่มากับน้ำ
ขณะที่ศพผู้เคราะห์ร้ายได้รับการนำไปเผาที่ริมฝั่งแม่น้ำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นอกจากนี้เริ่มมีปัญหาขาดแคลนสถานที่เก็บศพ และมีรายงานศพอย่างน้อย 13 รายถูกวางอยู่นอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทวิจัยด้านธุรกิจ ไอเอชเอส ประเมินว่า กระบวนการฟื้นฟูบ้านเมืองในพื้นที่แผ่นดินไหวของเนปาลอาจต้องใช้งบสูงถึงกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์หรือเกือบ 20% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี