ผู้ประท้วงมารวมตัวกันใกล้กับจัตุรัสแดง เพื่อประท้วงต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในยูเครน ที่เริ่มจากขบวนการสนับสนุนนโยบายเอียงไปทางยุโรป ในยูเครน และนำไปสู่การปลดประธานาธิบดียูเครน ที่ชูนโยบายเอียงมาทางรัสเซียเมื่อ 21 ก.พ.ปีที่แล้ว รวมถึงสงครามกลางเมืองในเขตตะวันออกของยูเครน และเรื่องนี้นำไปสู่กระแสต่อต้านตะวันตกในรัสเซียที่สูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่
ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกว่า สถานการณ์ในยูเครนเกิดจากการเข้ามาแทรกแซงของประเทศอื่น เพื่อหวังจะทำลายรากฐานของรัสเซีย โดยเรื่องนี้มีการวางแผนกันมานานแล้ว
สำหรับกลุ่มที่มาประท้วง มีทั้งกลุ่มชาตินิยมตกขอบ ผู้สูงอายุ ทหารผ่านศึก องค์กรนักศึกษาและกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลอื่นๆ ตำรวจบอกว่างานนี้มีผู้มาเข้าร่วมราว 3.5 หมื่นคน
ในวันเดียวกัน ยูเครน ก็จัดนิทรรศการในกรุงเคี๊ยฟ เมืองหลวงของประเทศ เพื่อแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของกลุ่มกบฏที่ทางการยึดมาได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัสเซียได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองในประเทศ
โดยการสนับสนุนทั้งอาวุธและกำลังพลให้กับกลุ่มกบฏ โดยสิ่งที่นำมาแสดงก็มีทั้งรถถัง โดรน ระบบเครื่องยิงจรวด รวมถึงเอกสารประจำตัวของทหารรัสเซีย เจ้าหน้าที่ยูเครนบอกว่า อาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านี้มีมากมายจนสามารถขนมาวางไว้ในเขตใจกลางเมืองได้เต็ม แต่ทางการไม่อยากทำให้เมืองหลวงแห่งนี้แปดเปื้อน
ซึ่งก่อนหน้านี้ รัสเซียได้ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้สนับสนุนกลุ่มกบฏ แม้ชาติตะวันตกจะนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายดาวเทียมมาแสดงเพื่อยืนยันเรื่องนี้ก็ตาม
ขณะเดียวกันก็มีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกระหว่างฝ่ายรัฐบาล และกลุ่มกบฏ หลังจากที่การหยุดยิงตามข้อตกลงเริ่มนำมาถือปฏิบัตืเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ โดยฝ่ายรัฐบาลปล่อยเชลยศึก 52 คน ส่วนกลุ่มกบฏก็ปล่อยเชลยศึกทหารยูเครน 139 นาย
ขณะที่ขบวนรถบรรทุกรัสเซีย ก็นำความช่วยเหลือไปจัดส่งให้กับชาวเมืองดิบัลเซเว ที่ตอนนี้ตกอยู่ในการควบคุมของกลุ่มกบฏ หลังจากที่ทหารยูเครนถอนตัวออกไป