สหรัฐฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบา หลังตัดขาดนานกว่า 50 ปี

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวาน ประกาศยุติความสัมพันธ์ที่เป็นศัตรูสมัยสงครามเย็นยาวนานกว่า 50 ปี และยุตินโยบายคว่ำบาตรที่ล้มเหลวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ โดยนับจากนี้จะเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับปกติเพื่อสร้างโอกาสที่ดีขึ้นแก่ชาวอเมริกันและชาวคิวบา และเปิดศักราชใหม่ของสองประเทศ โดยเขาเริ่มต้นถ้อยแถลงเป็นภาษาสเปนว่า "เราต่างเป็นอเมริกา" ซึ่งหมายถึงทั้งสหรัฐและคิวบาต่างอยู่ในทวีปอเมริกา

โอบามาประกาศด้วยว่า สหรัฐจะเริ่มยกเลิกข้อห้ามชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบาเดินทางไปคิวบาหรือส่งเงินให้ครอบครัวในคิวบาและจะเพิ่มมาตรการอื่นๆตามมา โดยเขาจะให้กระทรวงต่างประเทศพิจารณาเรื่องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตที่ระงับไปเมื่อปี 2504 และจะเปิดสถานทูตในกรุงฮาวานาใหม่ รวมถึงจะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเยือนคิวบา เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันในหลายด้าน นอกจากนี้จะทบทวนการขึ้นบัญชีดำคิวบาในฐานะประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายเสียใหม่

ด้านประธานาธิบดีราอูล คาสโตร ของนำคิวบา แถลงที่กรุงฮาวานา ยืนยันว่า ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่บาดหมางกันมานานกว่าครึ่งศตวรรษ และการตัดสินใจของโอบามา สมควรได้รับการเคารพและ แต่เตือนว่าการคว่ำบาตรทางการค้าต้องถูกยกเลิกไปด้วย

การประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ของสองประเทศ เกิดขึ้นหลังคิวบายอมปล่อยนายอลัน กลอสส์ ผู้รับเหมาชาวอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวนาน 5 ปี และชาวคิวบาอีกคน ที่เป็นสายลับให้สหรัฐ ซึ่งถูกควบคุมตัวมานาน 20 ปี ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสายลับคนสำคัญที่สุดของสหรัฐในคิวบา นอกจากนี้ยังปล่อยนักโทษการเมืองอีกหลายสิบคนด้วย ส่วนสหรัฐปล่อยสายลับคิวบา 3 คน โดยความคืบหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์เป็นผลมาจากการเจรจาลับนาน 18 เดือนระหว่างสหรัฐกับคิวบาโดยมีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย

ทั้งโอบามาและผู้นำคิวบาต่างยกย่องพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาที่ช่วยสานความสัมพันธ์ระหว่างคู่ปรปักษ์ และสำนักวาติกัน แถลงว่าสมเด็จพระสันตะปาปา ทรงยินดีกับทั้งสหรัฐและคิวบาที่เอาชนะความยากลำบากที่เป็นบาดแผลในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของพวกเขา

ส่วนนักท่องเที่ยวและชาวคิวบาในกรุงฮาวานาของคิวบาเฉลิมตามท้องถนนแสดงความยินที่สหรัฐและคิวบาจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ที่จะนำไปสู่การหลั่งไหลของเงินและผู้คนระหว่างสองประเทศ

แต่นายจอห์น เบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐตำหนิการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อคิวบาอย่างดุเดือด ถึงขั้นเรียกว่า เป็นการยอมอ่อนข้อต่อผู้นำจอมเผด็จการที่โหดร้ายอย่างไร้เหตุผล

ขณะที่สหภาพยุโรปยกย่องว่าเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ และนายเฮอรัลด์มูนอซ รัฐมนตรีต่างประเทศชิลี กล่าวว่า เป็นการเริ่มต้นสู่การสิ้นสุดสงครามเย็นในอเมริกา