เมืองเฟอร์กูสันลุกเป็นไฟ เผาอาคาร-รถตำรวจ แค้นลูกขุนไม่ตั้งข้อหาตำรวจยิงวัยรุ่น

เมืองเฟอร์กูสันในรัฐมิสซูรีของสหรัฐลุกเป็นไฟหลังชาวเมืองไม่พอใจการตัดสินใจของคณะลูกขุนชุดใหญ่ในเขตเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรีเมื่อวันจันทร์ที่ไม่ตั้งข้อหาทางอาญากับนายดาร์เรน วิลสัน ตำรวจผิวขาวที่ยิงไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวดำวัย 18 ปีเสียชีวิตเมื่อเดือนส.ค. ผู้ประท้วงจุดไฟเผาอาคารร้านค้า และรถตำรวจหลายคัน รวมทั้งทุบทำลายและปล้นสะดมร้านค้า ทำให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายฝูงชนที่ปิดกั้นถนนในหลายจุด และมีเสียงปืนดังขึ้นเกือบ 150 นัด 
ตำรวจระบุว่าเป็นการยิงจากผู้ก่อจลาจล และเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อจลาจลไว้ได้ 29 คน และเนื่องจากมีการยิงขึ้นฟ้า ทำให้สำนักงานการบินพลเรือนต้องประกาศห้ามบินผ่านเหนือเมืองเฟอร์กูสันช่วงสั้นๆเพียงไม่กี่ชั่วโมง
กระแสโกรธเคืองและการชุมนุมประท้วงขยายลุกลามไปในหลายเมืองทั่วสหรัฐ โดยเฉพาะในเมืองที่มีชุมชนผิวดำขนาดใหญ่ โดยมีการเดินขบวนประท้วงและจุดเทียนไว้อาลัยแก่วัยรุ่นที่เสียชีวิตกว่า 120 แห่ง เช่น ในนครลอสแองเจลิส เมืองโอ๊คแลนด์ กรุงวอชิงตัน และนครนิวยอร์ก การชุมนุมประท้วงมีขึ้น แม้ประธานาธิบดีบารัก โอบามาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นและเคารพการตัดสินใจของคณะลูกขุน
แม้คณะลูกขุนชุดใหญ่ในเขตเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ไม่ตั้งข้อหากับวิลสัน แต่การสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมในคดีนี้ยังคงดำเนินอยู่ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ  ขณะที่เมื่อวานอัยการได้เปิดเผยภาพนายวิลสันในวันเกิดเหตุเมื่อ 9 ส.ค.ที่อยู่ในสภาพมีรอยแดงฟกช้ำที่ใบหน้า อาวุธปืน สภาพรถยนต์ที่มีรอยกระสุน และภาพบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อให้คณะลูกขุนพิจารณาประกอบการตัดสินใจ วิลสันถูกระบุว่ายิงกระสุน 12 นัด แต่คำให้การของพยาน 60 คนมีความขัดแย้งกันในประเด็นว่าบราวน์ชูมือขึ้นตอนถูกยิงหรือไม่