svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ประท้วงฮ่องกง ลามถึงการแบ่งขั้วของนักแสดง

30 ตุลาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แจ็คกี้ชาน หรือ เฉินหลง กับโจว เหวิน ฟะ ต่างเดินกันบนเส้นขนานเสียแล้ว แม้ว่าจะทั้งคู่จะเกิดที่ฮ่องกง ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1950 และแจ้งเกิดบนจอเงินของฮ่องกงในช่วงทศวรรษที่ 1980 แต่ในปี 2538 เฉินหลง ได้ข้ามทวีปไปแสดงหนังในอเมริกา เรื่องรัมเบิล อิน เดอะบรองซ์ หรือ ใหญ่ฟัดโลก ก่อนที่โจว เหวิน ฟะ จะได้แสดงเรื่อง เดอะ รีเพลซเมนท์ คิลเลอร์ส หรือ นักฆ่ากระสุนโลกันต์ ในอีก 3 ปีต่อมา แต่มันเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะในขณะที่โจวพยายามสร้างชื่อเสียงในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาท แต่เฉินหลงถนัดหนังบู๊ที่ใช้ศิลปะการต่อสู้ผสมผสานกับแนวตลกขบขัน

แต่ตอนที่เกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเมื่อไม่นานมานี้ ได้กลายเป็นการแบ่งแบกนักแสดงทั้งสองให้อยู่กันคนละฟากด้วยเช่นกัน โดยในการให้สัมภาษณ์แอ๊ปเปิล เดลี่ ในเดือนนี้ โจวย้ำการสนับสนุนผู้ประท้วง โดยบอกว่า เขาได้พบชาวบ้าน, นักศึกษา  พวกเขากล้าหาญมาก และน่าประทับใจที่ได้เห็นพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อสิ่งที่ต้องการ  พวกนักศึกษามีเหตุผล 
ความเห็นของเขาไม่เป็นที่สบอารมณ์รัฐบาลจีน และส่งผลให้เขาเข้าไปอยู่ในกลุ่ม 46 คน ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้วิตกอะไร โดยบอกว่า เขาก็แค่มีรายได้น้อยลงเท่านั้น 
ความเห็นของเขาสะท้อนความมีชื่อของเขาในฐานะนักแสดงที่ทำตัวติดดิน ที่เมื่อช่วงต้นปีได้บริจาคทรัพย์สินให้กับการกุศล แต่ก็ไม่ช่วยบรรเทาผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากการสร้างความไม่พอใจให้กับแผ่นดินใหญ่ ที่สำหรับคนในวงการบันเทิงของฮ่องกงแล้ว ถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ เช่น กรณีของเดนิส โฮ นักร้องชื่อดัง ที่รายได้ราว 80 เปอร์เซ็นต์ มาจากการไปเปิดการแสดงในจีน แต่พอออกตัวว่าสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง ก็ปรากฎว่า ห้องเสื้อแบรนด์ดังของจีน ถึงกับยกเลิกสัญญากับเธอโดยไม่ให้เหตุผล และเธอก็ไม่ได้กลับไปเปิดการแสดงที่จีนแผ่นดินใหญ่อีกเลย 
สำหรับคนดังอย่างโจวและโฮ การเสียสละครั้งนี้นับว่าคุ้มค่า แต่สำหรับเฉินหลง เขากลับต่างมุม ด้วยการแสดงความวิตกอย่างเปิดเผยว่า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง เป็นมูลค่า 45,000 ล้านดอลลาร์ และเรียกร้องให้หันมาใช้เหตุผล 
เขายังเคยให้ความเห็นเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น เมื่อปี 2555 โดยบอกว่า ควรจะมีกฎเกณฑ์ที่คอยตัดสินว่า คนเราสามารถประท้วงอะไรได้บ้าง และประเด็นไหนที่ไม่สามารถเอามาประท้วงได้ และเมื่อปี 2552 เขาก็เคยบอกว่า คนจีนจำเป็นต้องถูกควบคุม 
สำหรับเฉินหลง การอยู่ข้างจีนอาจมีเหตุ เมื่อปี 2555 หนังเรื่อง CZ12 หรือ วิ่งปล้นฟัด ของเขาที่มีเรื่องราวกับการพยายามไปเอาขุมทรัพย์ที่ถูกขโมยไปจากจีนคืน ทำเงินที่จีนแผ่นดินใหญ่ได้ 138 ล้านดอลล่าร์ แต่ในฮ่องกงทำรายได้แค่ 11.2 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น แต่ถ้าดูลึกลงไป ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจีน ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน เขาถึงกับย้ายสำนักงานไปยังปักกิ่ง และประกาศแผนการสร้างพิพิธภัณฑ์แจ็คกี้ ชาน ที่เซี่ยงไฮ้ และยังได้ร้องเพลงประกอบโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง อันแสดงถึงความรักชาติและยังเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เกณฑ์คนดังไปเข้าร่วมมากมาย รวมทั้ง เหยา หมิง อดีตนักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ
เฉินหลงยังคงได้ชื่อว่าเป็นดาราดังในสหรัฐ ที่เขาเรียกว่า เป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดในโลก และยังดูหมิ่นประชาธิปไตยในไต้หวัน ทั้งที่หนังของเขาได้รับความนิยมที่นั่นมายาวนายหลายทศวรรษ 
 แม้ว่า ชาวฮ่องกงจะไม่ได้เอาแนวคิดการเมืองจากเฉิน หลง หรือโจว เหวิน ฟะ แต่ทัศนะที่แตกต่างกันของนักแสดงทั้งสองเกี่ยวกับการประท้วง ได้กลายเป็นวิกฤติที่บดบังในอนาคต 
นักวิเคราะห์ มองว่า สำหรับเฉิน หลง การที่ฮ่องกงกลับไปอยู่กับจีน เป็นหนึ่งในประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด แต่การถูกขึ้นบัญชีดำของโจว เหวิน ฟะ ได้แสดงให้เห็นว่า การกลับไปอยู่กับจีน ยังห่างไกลจากคำว่า เสร็จสิ้น

logoline