แต่ตอนที่เกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเมื่อไม่นานมานี้ ได้กลายเป็นการแบ่งแบกนักแสดงทั้งสองให้อยู่กันคนละฟากด้วยเช่นกัน โดยในการให้สัมภาษณ์แอ๊ปเปิล เดลี่ ในเดือนนี้ โจวย้ำการสนับสนุนผู้ประท้วง โดยบอกว่า เขาได้พบชาวบ้าน, นักศึกษา พวกเขากล้าหาญมาก และน่าประทับใจที่ได้เห็นพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อสิ่งที่ต้องการ พวกนักศึกษามีเหตุผล
ความเห็นของเขาไม่เป็นที่สบอารมณ์รัฐบาลจีน และส่งผลให้เขาเข้าไปอยู่ในกลุ่ม 46 คน ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้วิตกอะไร โดยบอกว่า เขาก็แค่มีรายได้น้อยลงเท่านั้น
ความเห็นของเขาสะท้อนความมีชื่อของเขาในฐานะนักแสดงที่ทำตัวติดดิน ที่เมื่อช่วงต้นปีได้บริจาคทรัพย์สินให้กับการกุศล แต่ก็ไม่ช่วยบรรเทาผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากการสร้างความไม่พอใจให้กับแผ่นดินใหญ่ ที่สำหรับคนในวงการบันเทิงของฮ่องกงแล้ว ถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ เช่น กรณีของเดนิส โฮ นักร้องชื่อดัง ที่รายได้ราว 80 เปอร์เซ็นต์ มาจากการไปเปิดการแสดงในจีน แต่พอออกตัวว่าสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง ก็ปรากฎว่า ห้องเสื้อแบรนด์ดังของจีน ถึงกับยกเลิกสัญญากับเธอโดยไม่ให้เหตุผล และเธอก็ไม่ได้กลับไปเปิดการแสดงที่จีนแผ่นดินใหญ่อีกเลย
สำหรับคนดังอย่างโจวและโฮ การเสียสละครั้งนี้นับว่าคุ้มค่า แต่สำหรับเฉินหลง เขากลับต่างมุม ด้วยการแสดงความวิตกอย่างเปิดเผยว่า จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของฮ่องกง เป็นมูลค่า 45,000 ล้านดอลลาร์ และเรียกร้องให้หันมาใช้เหตุผล
เขายังเคยให้ความเห็นเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น เมื่อปี 2555 โดยบอกว่า ควรจะมีกฎเกณฑ์ที่คอยตัดสินว่า คนเราสามารถประท้วงอะไรได้บ้าง และประเด็นไหนที่ไม่สามารถเอามาประท้วงได้ และเมื่อปี 2552 เขาก็เคยบอกว่า คนจีนจำเป็นต้องถูกควบคุม
สำหรับเฉินหลง การอยู่ข้างจีนอาจมีเหตุ เมื่อปี 2555 หนังเรื่อง CZ12 หรือ วิ่งปล้นฟัด ของเขาที่มีเรื่องราวกับการพยายามไปเอาขุมทรัพย์ที่ถูกขโมยไปจากจีนคืน ทำเงินที่จีนแผ่นดินใหญ่ได้ 138 ล้านดอลล่าร์ แต่ในฮ่องกงทำรายได้แค่ 11.2 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น แต่ถ้าดูลึกลงไป ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจีน ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน เขาถึงกับย้ายสำนักงานไปยังปักกิ่ง และประกาศแผนการสร้างพิพิธภัณฑ์แจ็คกี้ ชาน ที่เซี่ยงไฮ้ และยังได้ร้องเพลงประกอบโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง อันแสดงถึงความรักชาติและยังเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เกณฑ์คนดังไปเข้าร่วมมากมาย รวมทั้ง เหยา หมิง อดีตนักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ
เฉินหลงยังคงได้ชื่อว่าเป็นดาราดังในสหรัฐ ที่เขาเรียกว่า เป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดในโลก และยังดูหมิ่นประชาธิปไตยในไต้หวัน ทั้งที่หนังของเขาได้รับความนิยมที่นั่นมายาวนายหลายทศวรรษ
แม้ว่า ชาวฮ่องกงจะไม่ได้เอาแนวคิดการเมืองจากเฉิน หลง หรือโจว เหวิน ฟะ แต่ทัศนะที่แตกต่างกันของนักแสดงทั้งสองเกี่ยวกับการประท้วง ได้กลายเป็นวิกฤติที่บดบังในอนาคต
นักวิเคราะห์ มองว่า สำหรับเฉิน หลง การที่ฮ่องกงกลับไปอยู่กับจีน เป็นหนึ่งในประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด แต่การถูกขึ้นบัญชีดำของโจว เหวิน ฟะ ได้แสดงให้เห็นว่า การกลับไปอยู่กับจีน ยังห่างไกลจากคำว่า เสร็จสิ้น