แคนาดาเผยคลิป นาทีคนร้ายถือปืนบุกสภา

เมื่อวานนี้สำนักงานตำรวจแคนาดาเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด ตอนที่นายไมเคิล ซีฮาฟ-ไบโบ วัย 32 ปี กำลังถือปืนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาในกรุงออตตาว่าเมื่อวันพุธ หลังก่อเหตุยิงทหารนายหนึ่งเสียชีวิตที่อนุสรณ์สถานสงครามแห่งชาติ และตัวเองถูกตำรวจสภายิงเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ในภาพนี้ไม่เห็นตอนที่คนร้ายยิงทหาร
บ๊อบ พอลสัน ผู้บัญชาการตำรวจ เปิดเผยด้วยว่า นายซีฮาฟ-ไบโบเป็นพลเมืองชาวแคนาดาที่อาจถือสัญชาติลิเบียด้วย โดยมีพ่อเป็นชาวลิเบียและแม่เป็นชาวแคนาดาเมื่อเร็วๆนี้เพิ่งยื่นขอทำหนังสือเดินทาง ที่เชื่อว่ามีจุดหมายที่จะไปซีเรีย และเดินทางถึงกรุงออสตาว่าเมื่อวันที่ 2 ต.ค. และแม้เขามีประวัติก่อคดีอาญาเกี่่ยวกับยาเสตพิด ความรุนแรงและอื่นๆ แต่เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มคน 93 คนที่ตำรวจเฝ้าจับตาในฐานะนักเดินทางที่อันตราย เขาก่อเหตุโดยลำพัง และเชื่อว่าไม่เกี่ยวโยงกับสมาชิกหัวรุนแรงอื่นๆ
เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานโยงโยระหว่างนายซีฮาฟ-ไบโบ กับ นายมาร์ติน รูโล วัย 25 ปี ชาวแคนาดาที่ก่อเหตุขับรถชนทหารเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บ 1 นายที่รัฐคิวเบกเมื่อวันจันทร์ โดยคนร้ายรายนี้ถูกตำรวจยิงสังหารด้วย ขณะที่ทั้งสองคนมีแนวคิดฝักใฝ่กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเหมือนกัน และเชื่อว่า นายซีฮาฟ-ไบโบ เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามด้วย
ซูซาน ไบโบ แม่ของคนร้าย ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อการกระทำของลูกชาย และเพื่อนคนหนึ่งของซีฮาฟ-ไบโบ เล่าว่า ซีฮาฟ-ไบโบเคยบ่นว่าอยากไปลิเบียและเข้าร่วมกับนักรบกลุ่มไอเอส
ด้านนายกรัฐมนตรี สตีเฟ่น ฮาร์เปอร์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งจากทุกพรรค ร่วมวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยในจุดเกิดเหตุที่สิบตรี นาธาน ซิริโล่ วัย 24 ปีทหารกองหนุนที่อารักขาอนุสรณ์สถานสงครามแห่งชาติถูกยิงเสียชีวิต และร่วมร้องเพลงชาติเพื่อไว้อาลัย
ในวันเดียวกันรัฐสภาเปิดการประชุมตามปกติ โดยมีการเพิ่มตำรวจคุ้มกันมากขึ้นและปิดไม่ให้สาธารณชนเข้าใกล้บริเวณสนามหน้ารัฐสภา และก่อนเริ่มการประชุม ส.ส.ต่างยืนปรบมือต้อนรับให้เกียรติแก่ เควิน วิคเกอร์ส หัวหน้าตำรวจสภาวัย 58 ปีที่กลายเป็นวีรบุรุษจากการวิสามัญฆาตกรรมมือปืนที่บุกสภา ขณะที่เขาเดินถือคทาสีทองเข้าสู่ห้องประชุม
และนายกรัฐมนตรีฮาร์เปอร์ซึ่งเข้าร่วมประชุมสภาด้วย ได้กล่าวแสดงความชื่นชมแก่นายวิคเกอร์ส และประกาศว่า แคนาดาจะเพิ่มการระมัดระวังมากขึ้น แต่จะไม่ตื่นกลัว พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะเร่งผลักดันการออกกฎหมายและเพิ่มอำนาจตำรวจเพื่อเฝ้าระวังและจับกุมผู้ต้องสงสัยเพื่อยับยั้งเหตุรุนแรง
ขณะที่บรรยากาศในกรุงออตตาวาค่อยๆกลับเข้าสู่ปกติ โดยลดขนาดพื้นที่ที่ต้องรักษาความปลอดภัยเข้มงวดให้แคบลงโดยจำกัดเฉพาะรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา
แคนาดา ซึ่งเป็นดินแดนเงียบสงบและแทบไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงจากกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง เริ่มถูกข่มขู่คุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรงหลังเข้าร่วมภารกิจการโจมตีทางอากาศนำโดยสหรัฐเพื่อกำจัดกลุ่มไอเอสในอิรัก และเชื่อว่ามีชาวแคนาดาบางคนเดินทางไปตะวันออกกลางเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรง ขณะที่ชาวมุสลิมในแคนาดาเริ่มวิตกกังวลว่าเหตุรุนแรงที่มีทหารเสียชีวิตแล้ว 2 นายจากฝีมืออาจจุดชนวนกระแสเกลียดชังต่อชาวมุสลิม