สหรัฐฯ ออกนโยบายป้องกัน หมอติดอีโบลา

นายแพทย์ทอม ฟรี้ดเด้น ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือ CDC แถลงเมื่อวานว่า CDC ออกนโยบายที่เข้มงวดกว่าเดิม เพื่อปกป้องเจ้าหน้าที่ดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากไวรัสอีโบลา โดยบุคลากรการแพทย์จะต้องผ่านการอบรมหลายครั้ง จนกระทั่งพิสูจน์ได้ว่า มีความสามารถในการใส่และถอดอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างถูกต้อง เพราะโอกาสเสี่ยงติดเชื้อมากที่สุด คือ ช่วงการถอดอุปกรณ์ป้องกันออก และการดูแลผู้ป่วยอีโบลาในสหรัฐอาจเสี่ยงกว่าในแอฟริกา เนื่องจากมีขั้นตอนที่เสี่ยงสูงกว่า เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ 
ในเอกสารให้คำแนะนำของ CDC ระบุว่า อุปกรณ์ที่ใช้จะต้องป้องกันไม่ให้ผิวหนังของผู้สวมใส่โผล่พ้นออกมา และควรจะสวมถุงมือ, เสื้อคลุมกันน้้ำ, เครื่องช่วยหายใจ, กระบังป้องกันใบหน้า และหมวกคลุมศีรษะแบบใช้แล้วทิ้ง ส่วนแว่นตากันลมไม่แนะนำให้ใช้เนื่องจากไม่ได้ช่วยปกป้องผิวทั้งหมด และเทียบไม่ได้กับกระบังป้องกันใบหน้าแบบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้งใบหน้า นอกจากนี้ยังต้องมีเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ ที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีด้วยเช่นกัน เพื่อคอยจับตาทุกขั้นตอนของการสวมใส่และถอดอุปกรณ์ป้องกันสำหรับคำแนะนำด้านความปลอดภัยล่าสุดปรับปรุงใหม่จากเอกสารชุดที่ CDC ออกมาก่อนที่พยาบาลในรัฐเท็กซัส 2 คนจะติดเชื้อจากการดูแลนายโธมัส อิริค ดันแคน ชาวไลบีเรียในห้องไอซียู ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ที่โรงพยาบาลเท็กซัส เฮลธ์ เพรสไบเทอเรียน ในเมืองดัลลัส  และเนื่องจากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 5 วันนี้ เจ้าหน้าที่มีความหวังว่าจะควบคุมการระบาดได้
ปัจจุบัน CDC กำลังพิจารณาตั้งศูนย์เชี่ยวชาญโรคอีโบลาที่โรงพยาบาล 4 แห่งในสหรัฐ ที่มีแผนกที่เชี่ยวชาญด้านสารจุลชีพอันตรายอยู่แล้ว
ขณะที่ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปกำลังประชุมหารือเรื่องการระดมเงิน 1,000 ล้านยูโรเพื่อช่วยเหลือการยับยั้งการระบาดในแอฟริกาตะวันตก หลังอีโบลาคร่าชีวิตกว่า 4,500 คน และหาแนวทางในการป้องกันเชื้อแพร่ระบาดเข้าสู่ภูมิภาคด้วย ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและองค์กรบรรเทาทุกข์เข้าร่วมการประชุมสุดยอดสุขภาพโลกที่กรุงเบอร์ลินของเยอรมนีเมื่อวาน และมีเสียงวิจารณ์เรื่องความล่าช้าในการยับยั้งการระบาด 
ขณะที่แคนาดาได้ส่งตัวอย่างวัคซีนอีโบลาชุดแรกที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยชาวแคนาดาไปให้องค์การอนามัยโลกตรวจสอบว่ามีความปลอดภัยสำหรับใช้กับคนหรือไม่ และคาดว่าจะมีการทดลองกับคนในสิ้นเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า 
ส่วนองค์การอนามัยโลกหรือ ดับเบิลยูเอชโอ ประกาศเมื่อวานรับรองว่าไนจีเรียเป็นประเทศปลอดเชื้อไวรัสอีโบลา หลังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 42 วัน หรือ 2 รอบของวงจรการฟักตัวของเชื้อไวรัสชนิดนี้  
ด้านผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงความเห็นว่าการคัดกรองผู้โดยสารเครื่องบินจากประเทศที่เป็นแหล่งระบาด จึงจะเป็นวิธีการที่ประสิทธิภาพในการยับยั้งการระบาดได้ดีกว่าการเฝ้าสังเกตอาการผู้โดยสารเมื่อเข้าสู่ประเทศอื่นแล้ว และแทนที่ประเทศต่างๆจะพยายามทุ่มสรรพกำลังคัดกรองผู้โดยสารที่สนามบินของตัวเอง ควรจะระดมกำลังไปช่วยคัดกรองผู้โดยสารที่ประเทศต้นทางของการระบาด