นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แถลงข่าวร่วมกับนายหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐเมื่อวาน หวังว่าจีนจะอดกลั้นต่อการประท้วงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง และหวังว่าทางคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงจะเคารพต่อสิทธิในการแสดงออกทางความคิดของผู้ประท้วง
แต่นายหวัง บอกรัฐบาลจีนมีจุดยืนหนักแน่นและชัดเจนว่ากิจการภายในของฮ่องกงเป็นกิจการภายในของจีน ทุกประเทศควรเคารพอำนาจอธิปไตยและหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเขาเชื่อว่า ไม่มีประเทศใด สังคมใดที่จะยอมให้มีการกระทำผิดกฎหมายที่ละเมิดต่อความสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐหรือสถานการณ์ในฮ่องกง
ขณะที่แคร์รี่ ย้ำว่าสหรัฐสนับสนุนสิทธิในการเลือกตั้งอย่างทั่วถึงในฮ่องกงที่ สอดคล้องกับกฎหมายพื้นฐาน และขอให้ ตร.ฮ่องกงใช้ความอดกลั้นในการรับมือกับผู้ชุมนุม
นอกจากนี้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แวะทักตอนตอนที่นายหวังพบหารือกับซูซานไรซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และบอกว่า สหรัฐจับตาสถานการณ์ในฮ่องกงอย่างใกล้ชิด และหวังว่าฮ่องกงจะยุติความขัดแย้งด้วยสันตวิธี
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนรายงานเมื่อวานอ่านบทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์พีเพิล'ส เดลี ฉบับวันที่1 ต.ค. ระบุว่า กลุ่มออคคิวพาย เซ็นทรัลชุมนุมปิดถนนอย่างผิดกฎหมาย ทำลายความสงบเรียบร้อย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตชาวฮ่องกง และหากยังปล่อยให้ดำเนินต่อไปโดยไม่ตรวจสอบ อาจเกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดคิดได้และย้ำให้ฮ่องกงปฏิบัติตามมติของสภาประชาชนจีนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบประชาธิปไตยในฮ่องกงด้วยความราบรื่น
แต่ผู้ประท้วงฮ่องกงไม่พอใจมติของสภาประชาชนจีนเมื่อ 31 ส.ค.ที่กำหนดให้ชาวฮ่องกงมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งผุ้ว่าเขตปกครองพิเศษ แต่ภายใต้ข้อกำหนดที่จีนมีอำนาจคัดเลือกผู้สมัครให้เหลือเพียง 2-3 คน ซึ่งผู้ประท้วงเรียกว่าประชาธิปไตยจอมปลอม
นอกจากนี้สื่ออื่นของจีนพยายามรายงานให้เห็นถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการประท้วง โดยระบุว่าห้างสรรพสินค้าและธุรกิจต่างๆในฮ่องกงอาจสูญเสียรายได้อย่างน้อย 5,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกันสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฮ่องกง เปิดเผยว่าจีนเริ่มระงับวีซ่าของกรุ๊ปทัวร์ที่จะเดินทางไปฮ่องกงแล้วเมื่อวันพุธ แต่นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เดินทางเป็นหมู่คณะยังไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้วิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยว