ฟิลิปปินส์สั่งอพยพคน หลังภูเขาไฟมายอนปะทุ

ประชาชนหลายพันคน ที่อาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาไฟที่ยังมีพลังมากที่สุดในฟิลิปปินส์ ได้ทะยอยอพยพอออกจากบ้านเรือนแล้วในวันนี้ ในขณะที่ลาวาเริ่มไหลทะลักลงไปตามเชิงเขา และทางการประกาศเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากการปะทุของภูเขาไฟ    ทางการระบุว่า ภูเขาไฟมายอน ที่เลื่องลือในเรื่องของรูปทรงกรวยเกือบสมมาตร ได้ชื่อมาจากภาษาถิ่นบีโกล คำว่า "มากายอน" แปลว่า งดงาม แต่เป็นความงามที่ร้ายกาจ เนื่องจากยังคงมีพลัง และล่าสุดได้เริ่มคำรามอีก พร้อมกับพ่นแม็กม่า หรือ หินหลอมละลายขึ้นไปในอากาศ และทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอยู่ด้านในอีกด้วย 
ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟของทางการ ชี้ว่า เป็นไปได้ว่าจะเกิดการปะทะรุนแรงในระดับอันตรายภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ด้านเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพลเรือน ประกาศว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในรัศมี 8 กิโลเมตร จะต้องอพยพออกไปให้หมด โดยทางการได้เตรียมจะอพยพประชาชนเกือบทั้งหมดของ 50,000 คน ที่อาศัยอยู่ในเขตอันตราย ภายในเวลา 3 วัน 
จุดที่จะมีการอพยพประชาชน ได้ชื่อว่า มีทัศนียภาพงดงาม เต็มไปด้วยทิวมะพร้าวใกล้ชายฝั่งแปซิฟิก ซึ่งทางการระบุว่า ไม่มีปัญหาเรื่องที่ต้องอพยพประชาชนราว 90 เปอร์เซ็นต์ แต่อาจมีบางคนที่ดื้อรั้น โดยเคยมีตัวอย่างเมื่อปี 2552 ที่มีเกษตรกรบางส่วนไม่ยอมอพยพ พวกเขาไม่ยอมละทิ้งบ้านเรือนและชีวิตประจำวัน ที่มีสวนมะพร้าวและกล้วยไม้ รวมทั้งสัตว์เลี้ยง เช่น ไก่หมูและควาย 
ประชาชนที่อาศัยอยู่ในแหล่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต่างคิดว่า การปะทุล่าสุดของภูเขาไฟมายอน จะไม่รุนแรง โดยในจุดนี้ อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมะนิลา ประมาณ 330 กิโลเมตร และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปดูรูปทรงกรวยที่สมบูรณ์แบบของภูเขาไฟ รวมถึงลิ้มรสอาหารพื้นเมืองและเที่ยวชมชายหาด 
ผู้จัดทัวร์คนหนึ่ง บอกว่า การปะทุของภูเขาไฟจะยิ่งกระตุ้นการท่องเที่ยว เหมือนกับงานปาร์ตี้ ประชาชนจะออกไปดูการปะทุตอนกลางคืน เหมือนดูพลุ เพราะเวลาไม่เกิดอะไร ภูเขาไฟก็จะถูกรายล้อมด้วยความมืด แต่ตอนนี้จะกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ ผู้จัดทัวร์ บอกด้วยว่า ตอนที่ภูเขาไฟมายอนปะทุครั้งที่แล้ว ลูกค้าของเขามักจะร้องขอให้จัดทัวร์ตอนกลางคืน เพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นที่ปล่องภูเขาไฟ ขณะที่ผู้จัดทัวร์นักท่องเที่ยวแบบสะพายเป้ หรือ แบ็คแพ็คเกอร์ บอกว่า มีลูกค้าจำนวนมากที่สนใจสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาอยากเห็นลาวาไหลลงจากภูเขาไฟ 
ภูเขาไฟมายอน ซึ่งมีความสูง 2,460 เมตร มีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับการปะทุที่รุนแรง โดยในปี 2357 มีประชาชนกว่า 1,200 คน ที่เสียชีวิตตอนที่ลาวาไหลลงไปกลบเมืองกักซาวา ส่วนการระเบิด เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2549 ไม่ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่ในอีก 4 เดือนต่อมา ได้มีพายุไต้ฝุ่น ที่ส่งผลให้เกิดโคลนภูเขาไฟถล่มจากเนินเขา ลงไปกลบบ้านเรือนประชาชน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,000 คน