โอบามายัน ยังไม่มีแผนถล่มไอเอสในซีเรีย

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยอมรับในการแถลงข่าวเมื่อวานว่า เขายังไม่มียุทธศาสตร์ที่จะนำมาใช้ในการต่อสู้กับนักรบญีฮัดกลุ่ม ไอเอส ในซีเรีย ซึ่งเป็นการสยบกระแสข่าวที่แพร่สะพัดว่า เขาเตรียมจะใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มไอเอสในซีเรียในอนาคตอันใกล้นี้   โอบามา ย้ำว่า กำลังวางแผนการอย่างกว้างๆ ที่ครอบคลุมถึงการใช้ความพยายามทางการทหาร, การทูตและความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อโค่นล้มไอเอสในซีเรียและอิรักอย่างถารวระ ไม่ใช่แผนการระยะสั้น และสหรัฐไม่จำเป็นต้องเลือกอยู่ข้างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอส
การคาดการณ์เกี่ยวกับการใช้ปฏิบัติการทางทหารในซีเรียแบบเดียวกับในอิรัก เกิดขึ้นนับตั้งแต่ไอเอสเผยแพร่วิดิโอการฆ่าตัดศีรษะนักข่าวชาวอเมริกัน เจมส์ โฟลีย์ในซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีคำเตือนจากฝ่ายบริหารของโอบามาเกี่ยวกับแผนการแก้แค้นรวมทั้งเจ้าหน้าที่บางคนเผยว่า มีการอนุมัติให้ส่งเที่ยวบินไปสอดแนมเหนือน่านฟ้าซีเรียเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับไอเอส
ขณะที่โอบามาย้ำในการแถลงของเขาว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกที่เขาให้ความสำคัญขณะนี้คือภัยคุกคามของไอเอสในอิรักและการปกป้องเจ้าหน้าที่สหรัฐในเมืองเออร์บิลและกรุงแบกแดดของอิรัก 
แต่หลังจากถ้อยแถลงของโอบามาถูกแพร่ออกไป บรรดาที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว พยายามชี้แจงว่า โอบามามียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนอยู่แล้วในการตอบโต้กลุ่มไอเอสทั้งในในอิรักและที่อื่น ๆ และกำลังรอแผนการโจมตีซีเรียจากกระทรวงกลาโหม 
ขณะที่มีรายงานเกี่ยวกับความโหดร้ายของไอเอสมากขึ้น โดยระบุว่า ตัวประกันชาว ตะวันตกอย่างน้อย 4 คน รวมถึงโฟลีย์ ถูกทรมานด้วยวิธีจำลองการจมน้ำ หรือ วอเตอร์ บอร์ดดิ้ง หลายครั้งในช่วงแรกที่ถูกควบคุมตัวในเมืองรัคคา และยังมีการเผยแพร่ภาพนักรบไอเอสจับตัวทหารซีเรียใกล้ฐานทัพอากาศ ทับก้า หลังเข้ายึดฐานทัพแห่งนี้ได้เมื่อ 3 วันก่อน  และอ้างว่ามีทหารซีเรียถูกสังหารเกือบ 150 นาย
ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยพวกกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย ที่บางกลุ่มเกี่ยวข้องกับอัลไกด้า จับตัวเจ้าหน้าที่่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ 43 คน ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในฝั่งของซีเรีย บนที่ราบสูงโกลัน เป็นตัวประกัน ส่วนอีก 81 คน ถูกปิดล้อม 
เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพชาวฟิจิ 43 คน ถูกบีบให้ยอมวางอาวุธและถูกจับเป็นตัวประกัน ในบริเวณจุดผ่านแดน "กูไนตีเราะห์" แต่กองกำลังของฟิลิปปินส์ หรือ หน่วยบลู เฮลเม็ท ยังคงอยู่ในที่มั่นและไม่ยอมวางอาวุธ และยังคงเผชิญหน้ากันอยู่ในปัจจุบัน กองทัพฟิจิ ระบุว่า ตัวประกันทุกคนยังปลอดภัยดี
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันทุกคนอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยทันที และให้บรรดาประเทศต่างๆใช้อิทธิพลช่วยเหลือพวกเขา