อนามัยโลกห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้า ภายในอาคาร

องค์การอนามัยโลก หรือ ดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่าควรมีขั้นตอนทางกฎหมายมาบังคับใช้ เพื่อยุติการใช้บุหรี่ไฟฟ้าภายในอาคาร ทั้งในพื้นที่สาธารณะและที่ทำงาน และห้ามการจำหน่ายให้เด็ก ห้ามโฆษณาที่อาจกระตุ้นให้เด็ก และคนที่ไม่สูบบุหรี่หันมาทดลองบุหรี่ไฟฟ้าด้วย และให้เข้มงวดเรื่องการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติด้วย โดยมาตรการเหล่านี้เป็นความพยายามล่าสุดเพื่อควบคุมตลาดใหม่มูลค่า 3 พันล้านดอลล่าร์ ที่อยู่ในมือของบริษัทผลิตบุหรี่ยักษ์ใหญ่ในขณะนี้ 
ในรายงานของ WHO ระบุว่า ไม่ควรจะมีข้ออ้างในประเด็นที่ว่า อุปกรณ์ชนิดนี้ช่วยให้คนเลิกบุหรี่จนกว่าจะมีหลักฐานที่แน่นอนมาสนับสนุน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของ WHO เตือนว่า ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ อาจเป็นอันตรายต่อวัยรุ่น และตัวอ่อนในครรภ์ของสตรี 
ในบุหรี่ไฟฟ้าจะมีแบตเตอรี่ ซึ่งจะต้องชาร์จแบ็ตให้เต็ม และต้องหยดน้ำยานิโคตินที่มีหลายกลิ่นให้เลือกเข้าไปด้วย และขายดีมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากเป็นของใหม่และขาดหลักฐานระยะยาวทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนเรื่องความปลอดภัย และบางคนเกรงว่า อาจนำไปสู่การเสพติดนิโคตินและทำให้คนหันไปสูบบุหรี่ที่ทำจากยาสูบ และที่สำคัญ คือ ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า สามารถเลิกบุหรี่ที่ผลิตจากยาสูบได้
WHO รณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่มานานนับสิบปี ขณะที่กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมบุหรี่ หรือ FCTC ที่ออกมาเมื่อปี 2548 มีประเทศที่ให้สัตยาบันแล้ว 179 แห่ง ยกเว้นสหรัฐ ซึ่งที่มีโรงงานยาสูบใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนบุหรี่ไฟฟ้า มี 466 ยี่ห้อ ยังไม่มีกฎหมายควบคุม และ WHO เรียกร้องให้ออกกฎหมายควบคุม ที่รวมถึงการห้ามตั้งตู้หยอดเหรียญจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอัตโนมัติที่สะดวกต่อการซื้อ และป้องกันไม่ให้ผู้ผลิตเอาเรื่องสุขภาพมาแอบอ้าง เช่น ช่วยให้เลิกบุหรี่ จนกว่าจะมีหลักฐานมาพิสูจน์ 
ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกมองว่า ปล่อยสารพิษน้อยกว่าบุหรี่ปกติ แต่ WHO ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้โดยบอกว่า ควันที่ลอยออกมาก็ทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้รับนิโคตินและสารพิษที่เป็นส่วนประกอบในบุหรี่ไฟฟ้าได้เช่นกัน 
จากรายงานการศึกษาล่าสุด พบว่า ในบุหรี่ไฟฟ้าจะมีปริมาณนิโคตินที่เข้มข้นสูงกว่าใบยาสูบทั่วไป และไม่สามารถควบคุมปริมาณนิโคตินได้ ซึ่งอันตรายคือนิโคตินจะส่งผลให้อัตราการเต้นหัวใจสูง และอาจส่งผลต่อความดันโลหิต และเมื่อมีการเผาไหม้ สารโพรไพลีน ไกลคอล ในบุหรี่ไฟฟ้า จะเกิดสารตกค้างที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้