ม็อบเวียดนามเผาโรงงาน ประท้วงจีน

การประท้วงในเวียดนามเพื่อแสดงความโกรธแค้นที่จีนเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าไปในน่านน้ำพิพาทใกล้หมู่เกาะพาราเซล ในทะเลจีนใต้ และเหตุกระทบกระทั่งระหว่างเรือทั้งสองฝ่าย ลุกลามเป็นเหตุรุนแรงเมื่อวันอังคาร(14 พ.ค.) คนงานเวียดนามบุกเผาและสร้างความเสียหายแก่โรงงานมากถึง 15 แห่ง ในนิคมอุตสาหกรรม"เวียดนาม-สิงคโปร์ หนึ่งและสอง" ในจ.บิ่นเซือง ทางตอนใต้          ฝูงชนที่อยู่ในอารมณ์โกรธแค้นมุ่งเป้าโรงงานที่มีตัวอักษรจีนอยู่ในโลโกหรือป้ายชื่อ แต่ปรากฎว่า อาคารที่ถูกเผาส่วนใหญ่ เป็นบริษัทสิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น                     สำนักข่าว วีเอ็นเอ็กซเพรส ของเวียดนาม รายงานว่า มีผู้ร่วมประท้วงครั้งนี้ถึง 1.9 หมื่นคน และหลังเกิดเหตุ ธุรกิจของชาวไต้หวัน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ พากันปิดทำการ และแขวนธงเวียดนามไว้หน้าอาคารสถานที่เพื่อป้องกันการประท้วง ขณะตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุหลายร้อยคน                       หลายปีมานี้ บริษัทด้านเทคโนโลยีและสิ่งทอจำนวนมากย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนาม ส่วนใหญ่หนีต้นทุนแรงงานในจีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆที่เพิ่มสูงขึ้น            ไต้หวันประณามการประท้วงด้วยการทำลายทรัพย์สิน และเรียกเอกอัครราชทูตเวียดนามเข้าพบ เพื่อหารือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ชาวไต้หวันบาดเจ็บอย่างน้อย 2 คน โรงงานของไต้หวันได้รับความเสียหายหลายแห่ง สำนักข่าวกลางของทางการไต้หวัน รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศ เรียกร้องให้นักธุรกิจไต้หวัน ติดป้ายบอกว่าเป็นสถานที่ของไต้หวันที่หน้าโรงงาน เพื่อหลีกเลี่ยงผู้ประท้วงเข้าใจผิดว่าเป็นของจีน       .ด้านกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลเวียดนาม เร่งฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยกลับคืนนิคมอุตสาหกรรม ก่อนสถานการณ์เลวร้ายลง และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน           .         ที่ฟิลิปปินส์ นายอัลเบิร์ต เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เครื่องบินสอดแนมของฟิลิปปินส์ตรวจพบการถมดินและขุดเจาะขนานใหญ่บนโขดหินจอห์นสัน (Johnson South Reef) ที่จีนอ้างสิทธิ นับจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้ยื่นประท้วงกิจกรรมดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน แต่จีนปัดว่าพื้นที่นั้นเป็นดินแดนของจีน  นายเดล โรซาริโอ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจีนกำลังทำอะไร แต่เป็นไปได้ว่าอาจเป็นการสร้างทางวิ่งเครื่องบิน  โขดหินจอห์นสัน เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ และถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ห่างประมาณ 300 กิโลเมตรจากทางตะวันตกของเกาะปาลาวัน ของฟิลิปปินส์