svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

ปราสาทแห่งความตายของ "โฮลมส์" ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ

10 ตุลาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ในปี พ.ศ. 2429 (ค.ศ.1886) นายเฮอแมน เวบสเตอร์ มัดเจตต์ ทิ้งลูกทิ้งเมีย หลบหนีข้อหาฉ้อโกง,วางยาพิษและฆาตกรรมมาที่รัฐอิลลินอยส์ เมืองชิคาโกเพื่อมาลงหลักปักฐาน เริ่มต้นชีวิตใหม่ ภายใต้ชื่อใหม่ "เฮนรี่ โฮวาร์ด โฮลมส์" หรือชื่อสั้นๆว่า "H H Holmes"

แต่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา ไม่ใช่การเริ่มต้นแบบใสสะอาด เพราะเป็นที่มาของการฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหญ่ ที่มีเค้ามูลว่าฆ่าคนอย่างน้อย 200 รายภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
นายโฮลมส์ เรียนจบด้านการแพทย์จากม.มิชิแกน ทำงานในห้องแล็ปกายวิภาค จนความแดงว่านายโฮลม์นำเศษซากศพจากห้องแล็ปมาจัดเรียงเป็นอุบัติเหตุต่างๆเพื่อเรียกเงินประกัน โดยทำแบบนี้ตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย

ปราสาทแห่งความตายของ "โฮลมส์" 
ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ

นายเฮอแมน เวบสเตอร์ มัดเจตต์ หรือ H H Holmes ภาพจาก Chicago Museum/Getty

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ทำให้นายโฮลมส์ตัดสินใจย้ายหนีไปอยู่เมืองเล็กๆในรัฐนิวยอร์ค ที่มีคนเห็นเขาเดินกับเด็กผู้ชายคนนึงที่อยู่ๆก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนั้น นายโฮลมส์อ้างว่าเด็กชายเดินทางกลับไปอยู่กับครอบครัวที่อาศัยอยู่ต่างรัฐ และเป็นเหตุให้นายโฮลมส์ย้ายหนีอีกครั้งนึงไปที่เมืองฟิลาเดลเฟีย มาทำงานที่ร้านขายยา ทำได้ไม่กี่วันก็มีเหตุการณ์เด็กน้อยรายหนึ่ง มาซื้อยาที่โฮลมส์ขายแล้วก็ตายไม่กี่วันถัดมา ทำให้โฮลมส์ย้ายหนีอีกครั้งหนึ่ง มาสู่รัฐอิลลินอยส์จุดเริ่มต้นของการสร้าง "ปราสาทแห่งการฆาตกรรม" (Murder Castle)

ปราสาทแห่งความตายของ "โฮลมส์" 
ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ

โรงแรมแห่งการฆาตกรรมของโฮลมส์ ที่มีการบรรยายว่ามีห้องที่ไม่มีประตู มีประตูที่เปิดไปก็ไม่เจออะไรเลย เป็นดั่งเขาวงกต ภาพจาก Chicago Museum

โฮลมส์ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตที่เมืองชิคาโก ทำงานอยู่ร้านขายยาของสามีภรรยาคู่นึง ทำงานหนักจนสามารถซื้อร้านขายยาของสามีภรรยาคู่นี้ได้ (มีข่าวลือว่าโฮลมส์ฆ่าสามีภรรยาคู่นี้ แต่สุดท้ายมีการพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง) ต่อมาไม่นานโฮลมส์ซื้อที่ดินเปล่าฝั่งตรงข้ามกับร้านขายยา และเริ่มก่อสร้างอาคารขนาดสองชั้น
โดยชั้นแรกเป็นร้านขายยาและพื้นที่ปล่อยเช่าร้านค้า ส่วนชั้นบนเป็นอพาร์ตเมนต์ จนตอนเกือบจะสร้างเสร็จโฮลมส์ตัดสินใจเพิ่มชั้นที่ 3 โดยบอกกลุ่มนักลงทุนว่า จะเป็นการขยายโรงแรมเพื่อรองรับงานแฟร์ระดับประเทศที่จะมีคนกว่า 27 ล้านคนจาก 46 ประเทศเดินทางมา

ปราสาทแห่งความตายของ "โฮลมส์" 
ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ

การก่อสร้างโรงแรมของโฮลมส์ มีการเปลี่ยนช่างและผู้รับเหมามากมาย เพื่อไม่ให้มีใครรับรู้ถึงรายละเอียดผังของอาคารของเขาทั้งหมด ในที่สุดก็สร้างเสร็จในปี 1892 (พ.ศ.2435) ในขณะที่งานแฟร์กำลังก่อสร้างอยู่ อาคารของโฮลม์ถูกเรียกว่า "ปราสาทแห่งการฆาตกรรม" เพราะข้างในมีห้องพักอาศัยเป็น 100 ห้อง มีบางห้องมีประตูถึง 5 บาน บางห้องไม่มีหน้าต่าง ประตูหลายบานเปิดไปเจอกำแพงอิฐ บันไดหลายๆตัวที่ขึ้นไปก็ไม่มีทางไปต่อ

ปราสาทแห่งความตายของ "โฮลมส์" 
ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ

ผังโรงแรมของโฮลมส์ที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ Chicago Tribune มีเตาเผาศพ มีบ่อน้ำกรดมีประตูห้องลับต่างในภาพ
ห้องหลายๆห้องมีการบุฉนวนกันเสียงอย่างดี มีประตูลับซ่อนอยู่มากมาย จนถึงห้องที่มีท่อแก๊ซที่สามารถกดปล่อยรมควันคนภายในห้องให้ขาดอากาศตายได้ หรือปล่องลับที่ปล่อยร่างของคนลงมาที่ชั้นใต้ดิน ที่ที่มีบ่อน้ำกรดหรือบ่อน้ำด่างเพื่อกำจัดศพ เตาเผาศพ โต๊ะผ่าชิ้นส่วนศพ และอุปกรณ์ทรมานอีกหลายชิ้น
มีข้อมูลว่าโฮลมส์นำโครงกระดูกของเหยื่อบางส่วนไปขายต่อในตลาดมืดให้กับสถานศึกษาที่ต้องการโครงกระดูกมาใช้ศึกษากายวิภาค ที่เป็นวิชาโปรดของเขา

ปราสาทแห่งความตายของ "โฮลมส์" 
ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ

ภาพวาดจำลองผังในโรงแรม มีทั้งเขาวงกต ห้องรมแก๊ส ห้องทรมานเหยื่อ ห้องกำจัดศพที่ทั้งหมดซ่อนอยู่ในโรงแรมที่ภายนอกดูเงียบสงบของโฮลมส์Holly Carden, Carden Illustration, http://hollycarden.com/store/

เหยื่อของโฮลมส์เน้นไปที่ผู้หญิงที่เดินทางมาทำงานที่ชิคาโกคนเดียว โดยบางส่วนมาจากการประกาศรับสมัครงานว่ามาทำงานที่โรงแรมหรือร้านขายยาของเขา เหยื่อหลายๆคนมาจากคารมในการจีบเกี้ยวพาราสี หลอกล่อมาเป็นคู่หมั้นก่อนที่จะหายตัวไปตลอดกาล
และแน่นอนที่สุดว่าปีถัดมาหลังจากโรงแรมสร้างเสร็จ งานแฟร์ระดับประเทศก็เริ่มต้นขึ้น แขกของโรงแรมหลายต่อหลายคนที่เดินทางมาเช็คอิน ก็ไม่ได้มีโอกาสเช็คเอาต์อีกเลย

หลังจากงานแฟร์จบลงในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน (ค.ศ.1893, พ.ศ.2436) โฮลมส์มีหนี้สินพะรุงพะรังมากมายจากการก่อสร้างโรงแรม เขาย้ายออกจากเมืองชิคาโกเพื่อหนีหนี้ไปพร้อมกับมือขวาของเขา นายเบนจามิน พิทซ์เซล เพื่อทำธุรกิจหลอกลวงผู้คนและหลอกเอาเงินประกันที่เขาถนัดตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทำอยู่ 2 ปี ก่อนสุดท้ายหลอกภรรยานายเบนจามินว่าจะให้นายเบนจามินแกล้งตายเพื่อเอาเงินประกัน ที่โฮลมส์รับไว้ทั้งหมดเอง มีการขัดผลประโยชน์และตามมาด้วยการสังหารนายเบนจามินต่อมา

ปราสาทแห่งความตายของ "โฮลมส์" 
ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐฯ

ภาพของโอลมส์และเหยื่อเด็กชายรายนึงที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ยุคนั้น
สุดท้ายนายโฮลมส์ก็หนีไม่รอด ถูกจับในข้อหาโกงเงินประกัน และไต่สวนมาถึงคดีฆาตกรรมมากมาย ที่นายโฮลมส์กลับคำให้การวกไปวนมา รับสารภาพว่าสังหารไปทั้งสิ้น 27 ศพ แต่มีการวิเคราะห์ว่าจริงๆแล้วอาจจะฆ่าไปมากกว่า 200 ศพเลยทีเดียว คำกล่าวที่โด่งดังของนายโฮลมส์คือ

"หากเปรียบตัวผมเป็นฆาตกร ผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ผมเป็น เสมือนกับนักกวีไม่สามารถที่จะหยุดสร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาได้หรอก"

"I could not help the fact that I was a murderer, no more than the poet can help the inspiration to sing,"

นายโฮลมส์ถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ.1896 (พ.ศ. 2439) ด้วยคำขอสุดท้ายคือขอให้ทางการฝังร่างของเขาด้วยการเทปูนซีเมนต์เกือบ 10 ตันทับโลงศพของเขา เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาขโมยหรือยุ่งกับศพของเขาเอง

แต่เรื่องไม่จบแค่นี้ เพราะว่าตอนนั้นหนังสือพิมพ์พยายามขายข่าวและมีการขยายข่าวให้เว่อร์เกินจริง จนมีประเด็นว่านายโฮลมส์ไม่ได้ตาย แต่ติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้สลับร่างขณะแขวนคอ นายโฮลมส์หลบหนีไปใช้บั้นปลายชีวิตในทวีปอเมริกาใต้
จนครอบครัวนายโฮลมส์ทนคำครหาไม่ไหว ตัดสินใจให้ขุดร่างขึ้นมาใหม่ในปีนี้ (พ.ศ.2560) เพื่อทำการพิสูจน์ว่าคนในโลงคือปู่ทวดของเขาจริงๆ โดยมีการตกลงว่าถ้าไม่ใช่ ครอบครัวนายโฮลม์ต้องรับผิดชอบค่าจัดการศพรวมไปจนถึงความเสียหายที่เกิดจากการขุดทั้งหมด
การขุดครั้งนี้พบว่าร่างในโลงศพมีการถนอมที่ดีมากเพราะอยู่ในซีเมนต์ เสื้อผ้ายังอยู่ครบ หนวดของนายโฮลมส์ก็ยังติดอยู่ดี และผลพิสูจน์เปรียบเทียบฟันก็ยืนยันว่าร่างนี้คือนายโฮลมส์จริง และร่างของนายโฮลมส์ก็ถูกฝั่งกลับลงไปใหม่อีกครั้ง พร้อมกับการฝังข่าวลือที่ยาวนานกว่า 100 ปีลงไปพร้อมกับเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องรายแรกที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

--------------บทความนี้มีความตั้งใจที่จะเสนอข้อเท็จจริง ถ้าหากท่านผู้อ่านพบว่าในเรื่องนี้มีส่วนไหนที่ไม่ถูกต้อง ได้โปรดอย่ารีรอที่จะส่งข้อความมาทาง [email protected] เพื่อจะได้รีบแก้ใขทันที


ข้อมูลhttps://www.biography.com/people/hh-holmes-307622https://www.crimemuseum.org/crime-library/serial-killers/hh-holmes/http://www.rollingstone.com/culture/serial-killer-hh-holmes-body-exhumed-what-we-know-w480344http://www.chicagotribune.com/news/local/breaking/ct-hh-holmes-gravesite-exhumed-20170901-story.htmlhttps://en.wikipedia.org/wiki/H._H._Holmes

logoline