Baywatch ไลฟ์การ์ดฮอตพิทักษ์หาด เมื่อเหล่าไลฟ์การ์ด ออกทะเล(จนกู่ไม่กลับ)

ทั้งจาก Baywatch และซีรี่ส์เรื่องก่อนหน้าของเขาอย่าง Knight Rider ด้วย ในเมื่อต้นทางประสบความสำเร็จขนาดนี้แล้ว ไฉนเลยฮอลีวู้ดจะเมินเฉยไม่หยิบนำมาสร้างใหม่ก็คงกระไรอยู่ แต่ก็ถือว่าช้าไปหน่อย เพราะสร้างห่างจากซีรี่ส์ต้นฉบับนานเกือบ 30 ปีเลยทีเดียว 

แต่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อปี 1995 Baywatch เคยถูกสร้างเป็นหนังมาก่อน แต่ก็ถูกส่งตรงขายลงเป็นวิดีโอเทป ขณะที่ซีรี่ส์ดังเรื่องอื่นๆในยุคนั้นถูกนำมาทำเป็นหนังเกือบหมดแล้ว ทั้ง Miami Vice, Star Trek, The A-Team ฯ พอมาถึงเวอร์ชั่นรีเมค Baywatch ปี 2017 คอหนังรุ่นใหม่ๆอาจจะต่อไม่ติดกับเวอร์ชั่นเดิม 
ผู้สร้างจึงหยิบจับเหล่าไลฟ์การ์ดมาแต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าชุดปฏิบัติการว่ายน้ำรัดรูปยังคงอวดโฉมเผยความเซ็กซี่ยังคงอยู่ แต่โทนอารมณ์ของเรื่องราวเหล่าหน่วยกู้ชีพริมหาดกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงชนิดหน้ามือเป็นหลังมือจากดราม่าแอ็คชั่นผันไปเป็นคอเมดี้ติดเรทเต็มสูบ ปล่อยมุกสัปดี้สัปดนอย่างสนุกมือ จนคนดูถึงกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในหลายๆฉาก(โดยเฉพาะมุกไอ้จ้อนติดร่องเตียงชายหาดหรือชันสูตรพลิกดุ้นศพไปมา) 
หนำซ้ำมุกที่พยายามล้อซีรี่ส์ต้นฉบับอย่างท่าทางการเดินสโลว์โมชั่น (ทั้งที่จริงมันเป็นเรื่องทางเทคนิคการตัดต่อ แต่ตัวหนังก็พยายามอำว่ามันเรื่องทางกายภาพ) ก็กลับไม่ขำแถมยังพยายามขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกือบน่าระอา ในขณะที่ฉากแอ็คชั่นก็เป็นที่น่าเสียดาย มาถึงยุคสมัยนี้งานเทคนิคซีจีเลิศล้ำ 
หรือการออกแบบลีลาท่วงท่าการต่อสู้เจ๋งๆ ก็ถูกนำมาใช้อย่างก๊องแก๊งก๋องแก๋งเพื่อจะให้รู้ว่ามี และรับใช้พล็อตที่ว่าด้วยการตามสืบความลับไล่ล่ากระชากหน้ากากแก๊งมาเฟียค้ายาแค่นั้นเอง เอาเข้าจริง ฉากแอ็คชั่นทุกๆฉากในหนัง ดูเข้มข้นจริงจังไม่ขัดหูขัดตาเหมือนฉากตลกมากมายที่ใส่เข้ามา(ซึ่งมันไม่ค่อยขำ) 

เสียดายที่กลายเป็นเรื่องเสียของเมื่อมันถูกให้น้ำหนักน้อยกว่าความเป็นหนังตลก (เพราะถ้าเขียนบทดีๆ ใส่ใจกับรายละเอียดส่วนนี้ที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มฉากแอ็คชั่นก็ได้ แค่อธิบายหรือแก้ต่างปมปริศนาให้มันคมคายกว่านี้ จะกลายเป็นหนังแอ็คชั่นคอเมดี้ที่สนุกน่าติดตามไม่น้อยเลยทีเดียว)

ดเวนย์ จอห์นสัน ถ้าจับนำมาเปรียบมวย เทียบขนาดรูปร่างสัดส่วนกับตำนานเบย์วอทช์อย่าง เดวิด ฮาสเซลฮอฟ(ที่ปรากฎตัวในหนังด้วยถึงสองฉาก) แม้ฝ่ายหลังจะเสียเปรียบเรื่องรูปร่างกันอย่างลิบลับ แต่เอาเข้าจริงความมีเสน่ห์ของ เดอะ ร็อค กับลุงเดฟนั้น ก็ห่างไกลโขชนิดอย่าได้นำมาเทียบให้เสียเชิงชาย 
เพราะฝ่ายแรก เอาแต่โชว์กล้าม อวดเรี่ยวแรงกำลังวังชาไปเกือบครึ่งเรื่องจากฉากการพิสูจน์ตัวเองในการฝ่าด่านหินๆเพื่อจะนำไปสู่งานไลฟ์การ์ด แม้จะมีหนุ่มหล่ออย่างแซค เอฟรอน มาช่วยชูโรง แต่บทที่ได้รับถ้ามันปวกเปียกและเล่นแต่กับมุกแป้กๆอยู่อย่างนั้น สองหนุ่มก็เลยพากันออกทะเลไปไกลเกินกว่าไลฟ์การ์ดคนไหนจะพากลับมาเข้าฝั่งได้
อารมณ์เดียวที่เหมือนจะพากลับมาสู่มนต์เสน่ห์ของเบย์วอทช์ฉบับดั้งเดิมได้คือเหล่าสาวๆเซ็กซี่ลูกทีมไลฟ์การ์ดทั้ง อเล็กซานดรา แด็ดดาริโอ, อิลฟาเนช ฮาเดรา, เคลลี โรห์บัค แต่ละคนเหมือนจะถูกแคสต์มาได้ค่อนข้างจะมีรสนิยมอยู่บ้าง แม้นขนาดหน้าอกหน้าใจแม้จะไม่ใหญ่โต่เท่าพาเมลา แอนเดอร์สัน(มาเป็น Cameoในหนังด้วยเช่นกัน) สาวร้อนที่แจ้งเกิดจากซีรี่ส์ชุดนี้เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน 

แต่ความสวยและรูปร่างที่เซ็กซี่อย่างสมส่วนของแต่ละคน ภายใต้ชุดว่ายน้ำยูนิฟอร์มสีแดงที่รัดรึงตรึงทรวดทรงอยู่ข้างใน ก็เป็นความเจริญตาที่แทบไม่อยากละสายตาไปไหนระหว่างที่พวกเธอปรากฎกายบนจอ แม้กระทั่งสาวร้ายในเรื่อง ก็ยังได้ ปรียันก้า โชปรา นักแสดงสาวจากแดนภารตะ ที่มีดีกรีเป็นถึงมิสเวิลด์ปี 2000 มารับบทนี้

ท่ามกลางบทหนังที่เหลวเป๋ว สาวๆในเรื่องคือส่วนดีที่สุดที่น่าจดจ้องมองตาไม่กระพริบในซีรี่ส์ที่ถูกนำมาขยี้ขยำทำเป็นหนังได้เละเทะที่สุดเรื่องหนึ่ง ถ้าใครชอบหนังคอเมดี้แบบเดอร์ตี้โจ๊กอย่าง American Pie ขอทายว่าคุณจะชอบหนังเรื่องนี้อย่างหัวปักหัวปำ