จากกรณีข่าว เซ็กซี่ แพนเค้ก หรือ เหน่ง สาวประเภทสองคนดังในโลกโซเชียลจาก อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ป่วยเป็นมะเร็งอวัยวะเพศ พร้อมกับมีการคาดการณ์ว่า สาเหตุที่แท้จริงมาจากการที่เธอ แต๊บ อวัยวะเพศชายไว้ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ช่วงเวลาของการนอน ซึ่งลักษณะการแต๊บ ก็คือเทคนิคการอำพรางอวัยวะเพศชายของเหล่ากะเทย สาวประเภทสอง หรือนางโชว์ ที่ยังไม่แปลงเพศ เพื่อให้จุดที่บ่งบอกความเป็นชายของตัวเองไม่ปูดโปนออกมา และซ่อนเร้นให้ดูเรียบเนียนแบน
บรรดาคนในแวดวงบันเทิง โดยเฉพาะวงการนางโชว์สาวประเภทสอง ซึ่งจะมีทั้งที่แปลงเพศแล้วและบางคนยังคงความเป็นผู้ชายอยู่ทุกส่วนของร่างกาย ก็ต้องอาศัยการแต๊บ เพื่อให้การทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยน้องฟิล์ม-ธัญญรัศม์ จิราภัทร์ภากร มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2007 และ มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน 2007 เมื่อครั้งประกวดเวทีใหญ่ ทีมงานที่ดูแลน้องฟิล์มบอกว่า น้องฟิล์มค่อนข้างกังวลเรื่องการแต๊บมาก เนื่องจากขณะนั้นยังไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศ รวมทั้งยังไม่มีความชำนาญด้านการแต๊บ อาจเป็นอุปสรรคต่อการสวมใส่ชุด โดยเฉพาะชุดว่ายน้ำ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยดี เพียงแต่ว่าต้องใช้ความอดทนค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้เทปกาวเป็นอุปกรณ์เสริมในการเก็บของสงวนให้ดูเรียบเนียน
ด้านนักแสดงอย่าง อ้วน รีเทิร์น ได้ให้สัมภาษณ์กับทางเนชั่นว่า การแต๊บของกะเทย หรือ สาวประเภทสอง ทำไปเพื่อปกปิดความนูนของเครื่องเพศของตัวเองไม่ให้นูนปูดออกมา แต่ถ้าทำไปนานๆ ตลอดทั้งวันและเป็นเดือนเป็นปี มันจะทำให้ไม่เกิดการไหลเวียนของเลือด ยิ่งพอนานวันเข้า จะส่งผลต่อเครื่องเพศทำให้ด้อยคุณภาพ บางครั้งอาจทำให้เครื่องเพศชายเกิดความดำคล้ำ และอาจกระทบถึงสมรรถภาพทางเพศ รวมถึงทำให้เครื่องเพศผิดรูปไปจากเดิมๆ
พร้อมเปิดเผยอีกว่ากะเทยหรือสาวประเภทสองเกือบ 100% จะไม่ยอมให้เครื่องเพศของตัวเองออกมานูนเห็นเด่นชัดโดยเด็ดขาด และจะต้องแต๊บทุกวันตั้งแต่ออกจากบ้าน บางคนถึงขั้นแต๊บในขณะที่นอนหลับด้วย เพื่อเป็นความสุขทางใจ เนื่องจากว่าไม่สามารถรับได้ทุกครั้งที่มองเห็นเครื่องเพศของตัวเอง
สุดท้าย อ้วน รีเทิร์น ได้ฝากถึงบรรดาผู้ที่หลงไหลการแต๊บว่า ถ้าเป็นความสุขใจก็ทำต่อไป แต่อย่าให้รัดแน่นเกินไป ปล่อยเวลาให้มันเป็นอิสระ เพื่อให้ระบบของเลือดหมุนเวียนได้ดี การถ่ายเทสะดวก ไม่อับชื้น และเมื่อถึงเวลานอน ก็ควรปล่อยให้เครื่องเพศเป็นอิสระ อย่าไปรังเกียจและต้องยอมรับความจริงให้ได้ อยู่กับมันอย่างมีความสุข
ด้าน นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวัฒโนสถ และที่ปรึกษาสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีการแต๊บไม่ใช่สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง เพราะมะเร็งมีหลายปัจจัย ส่วนใหญ่ในกลุ่มชายรักชาย จะมีปัญหาเรื่องของโรคมะเร็งทวารหนัก ส่วนมะเร็งอวัยวะเพศชาย จะมาจากการหมักหมมของเชื้อโรค โดยเฉพาะโอกาสเกิดจากเชื้อเอชพีวี ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกับมะเร็งปากมดลูก แต่ถ้าหากใช้วิธีการแต๊บแล้วไม่รักษาความสะอาดเกิดการหมักหมม ก็อาจทำให้ติดเชื้อและแปรสภาพเป็นเนื้อร้ายได้
ส่วน นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่าข้อมูลทางการแพทย์ ไม่มีหลักฐานว่าการแต๊บจะทำให้เป็นมะเร็ง และแม้จะมีการหมักหมมจนก่อให้เกิดเชื้อโรคอักเสบ ก่อนจะลุกลามเป็นมะเร็ง ก็ต้องมีภาวะเนื้อเสีย เนื้อตาย หมายความว่าต้องมีหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ใช่แค่การแต๊บเท่านั้น
สรุปแล้ว การแต๊บ ไม่ใช่สิ่งที่ผิดและสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องรู้จักวิธีการทำที่ถูกต้อง ไม่รัดแน่นจนเกินไปและต้องรู้จักการรักาาความสะอาด เพื่อป้องกันโรคร้ายอื่นๆ ที่อาจจะตามมาภายหลัง