นายปรีชา เปิดเผยว่า ตนทำธุรกิจเต็นท์รถมือ 2 โดยน.ส.ชญาดา พี่สาวของตน ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลบัญชีธุรกิจทั้งหมด ซึ่งเมื่อ 6 ปีก่อนน.ส.ชญาดา มีโอกาสได้รู้จักนายพัชราวรรธน์ เนื่องจากเป็นแฟนคลับของอั้ม พัชราภา ก่อนที่นายพัชราวรรธน์ จะอ้างว่าสนิทกับนักแสดงสาวมาก และพา น.ส.ชญาดา ไปเจออั้ม พัชราภา บ่อยครั้ง ทำให้พี่สาวตนสนิทและไว้ใจนายพัชราวรรธน์มาก กระทั่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายพัชราวรรธน์ ได้มาบอกพี่สาวว่า นางเอกชื่อดัง ป่วยหนัก ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก จึงให้นายพัชราวรรธน์มายืมเงินให้ น.ส.ชญาดา จึงให้ยืมเงินไปครั้งแรกจำนวนแสนกว่าบาท โดยโอนผ่านบัญชีของนายพัชราวรรธน์ ธนาคารกสิกร สาขาโรบินสันนครศรีธรรมราช
จากนั้นนายพัชราวรรธน์ ก็มาขอให้โอนเงินให้โดยอ้างอั้ม พัชราภามาตลอดเป็นจำนวนกว่า 10 ครั้ง รวมยอดเงินประมาณ 8 ล้านบาท ทั้งนี้นายพัชราวรรธน์ อ้างอีกว่า อั้ม พัชราภาฝากมาบอกว่า จะคืนเงินทั้งหมดให้ภายในเดือนพฤศจิกายน แต่ความมาแตกเพราะเมื่อครบกำหนด ตนต้องใช้เงินไปหมุนเวียนในธุรกิจ จึงทวงถามพี่สาว โดยได้รับคำตอบว่า นายพัชราวรรธน์ขอเลื่อนคืนเงินเป็นกลางปีหน้า ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปสอบถามอั้ม พัชราภา กลับได้คำตอบว่าไม่ได้ป่วย และไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด และไม่ได้ติดต่อกับนายพัชราวรรธน์ มานานแล้ว ตนจึงเชื่อว่าถูกหลอก จึงตัดสินใจพาพี่สาวเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม
ด้านพ.ต.อ.ภูมินทร์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำผู้เสียหาย จากนั้นจะเชิญ อั้ม พัชราภา มาสอบปากคำเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ป่วย หรือร้องขอให้นายพัชรวรรธน์ มายืมเงินไปรักษาแต่อย่างใด และจะติดต่อนายพัชรวรรธน์ ผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป