ปตท.สผ.ชูไทยแลนด์ทรีพลัส ประมูลสัมปทานรอบ 21

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. เทวินทร์ วงศ์วานิช บอกว่า เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ให้ผลตอบแทนต่อรัฐรูปแบบ ไทยแลนด์ทรีพลัส ในการประมูลสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 เพราะพื้นที่แหล่งสัมปทานปิโตรเลียมของไทยมีศักยภาพไม่มากนัก
หากจะเปลี่ยนมาใช้ระบบการแบ่งปันผลประโยชน์ จะมีขั้นตอนดำเนินการที่ใช้เวลา ทำให้การเริ่มต้นสำรวจขุดเจาะแหล่งปิโตรเลียมของไทยต้องล่าช้าออกไปอีก ซึ่งระบบแบ่งปันผลประโยชน์จะเหมาะกับแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูง และเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่มากกว่า
ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม เพื่อทดแทนการนำเข้า และยืนยันว่า ปตท.สผ. จะร่วมประมูลสัมปทาน รอบที่ 21 อย่างแน่นอน และจะเป็นแปลงที่ใกล้กับพื้นที่ผลิตเดิม เช่น แหล่งสิริกิต์และแหล่งสุพรรณบุรี ส่วนจะยื่นขอสัมปทานกี่แปลงนั้น จะต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการปตท.สผ.ก่อน
ด้านผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ศิริ จิระพงษ์พันธ์ บอกว่า ปัจจุบันไทยใช้ก๊าซวันละ 5 พันล้านลูกบาศ์กฟุต แต่ผลิตได้ 4 พันล้านลูกบาศ์กฟุต ส่วนที่เหลือต้องนำเข้าจากเมียนมาร์วันละประมาณ 900 ล้านลูกบาศ์กฟุต โดยนำเข้าในรูปของก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี การเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 จึงมีความจำเป็น
การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบไทยแลนด์ทรีพลัส ที่กำหนดผลประโยชน์ตอบแทนเข้ารัฐในอัตรา 72% เหมาะสมกับศักยภาพแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทย และยังเป็นอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ที่ให้ผลตอบแทนเกือบ 80% โดยสัมปทานจะมีอายุ 20 ปี ลดลงจากไทยแลนด์วัน ที่สัมปทานมีอายุถึง 30 ปี เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เห็นว่าผู้ประกอบการสามารถคืนทุนได้แล้ว และสามารถต่อสัญญาสัมปทานได้ครั้งละ 10 ปี
หากการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ไม่พบก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมัน ไทยจะต้องนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวเข้ามาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า และสุดท้ายจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 5.50 บาท จากปัจจุบันหน่วยละ 3.99 บาท