ช่อง 3 จ่อร้องศาลปกครองแก้ 'จอดำ'

ดูเหมือนจะเป็นหนังเรื่องยาวสำหรับปัญหาช่อง 3 จอดำ เพราะจากการหารือระหว่างผู้บริหารของช่อง 3 และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เรื่องการนำช่อง 3 ออกคู่ขนาน พบว่าไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ผู้บริหารบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารช่อง 3 นำโดย นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริษัท นายประสาร มาลีนนท์ รองประธานกรรมการบริหาร นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน นายจงสุข จรุงวัฒน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ และนายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษากฎหมาย ร่วมประชุมหารือแนวทางการออกอากาศคู่ขนานช่อง 3 อนาล็อกและช่องดิจิทัลกับ คณะกรรมการ กสท. ได้แก่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน และกรรมการอีก 4 คน คือ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ และพ.ต.อ.ทวีศักดิ์  งามสง่า 
 นายฉัตรชัย กล่าวหลังการหารือร่วมกับคณะกรรมการ กสท. ว่า การหารือไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากบอร์ด กสท.ยังไม่มีข้อสรุปยืนยันว่า การที่บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ได้รับใบอนุญาตโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นบริษัทต่างนิติบุคคลกับบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จะนำช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศคู่ขนานระบบดิจิทัลได้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยทางบริษัทต้องการให้ กสท.ยืนยันว่า บีอีซี-มัลติมีเดีย สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจาก พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 9 ระบุว่า "ใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์เป็นสิทธิเฉพาะของผู้รับใบอนุญาต และต้องประกอบกิจการด้วยตนเอง" 
"ประเด็นหลักที่ช่อง 3 ให้ความสำคัญในการเจรจาเพื่อออกอากาศคู่ขนานคือเรื่องความถูกต้อง ก่อนที่จะไปพูดเรื่องการเยียวยาแผนธุรกิจ หรือประเด็นการลดหย่อนค่าใบอนุญาต ซึ่งบอร์ด กสท.ยังไม่มีคำตอบเรื่องดังกล่าวให้ช่อง 3" นายฉัตรชัย กล่าว 
อย่างไรก็ตาม หากการหารือกับ กสท.เรื่องการออกอากาศคู่ขนานยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะเดียวกันก็ใกล้ถึงกำหนดโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียมต้องยุติการออกอากาศของช่อง 3 จากคำสั่งทางปกครอง ตามมติ กสท.ที่จะครบ 15 วันในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งอาจทำให้ช่อง 3 อนาล็อกต้องจอดำ ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้ ช่อง 3 จำเป็นต้องฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้พิจารณาคุ้มครองฉุกเฉินจากมติ กสท. เพื่อไม่ให้ช่อง 3 อนาล็อกจอดำในโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียม เพราะจะกระทบสิทธิการรับชมทีวีของผู้ชม 16 ล้านครัวเรือน หรือ 50 ล้านคน หรือสัดส่วน 70% ที่รับชมผ่านเคเบิลและดาวเทียมในปัจจุบัน
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันช่อง 3 เริ่มได้รับผลกระทบด้านการใช้งบโฆษณาของเอเยนซี และลูกค้า หากเกิดสถานการณ์จอดำ ช่อง 3 ได้แจ้งลูกค้าล่วงหน้าแล้วว่า จะลดราคาโฆษณาให้ 70% ตามสัดส่วนผู้ชมที่ไม่สามารถรับชมผ่านโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของช่อง 3 ทันที จากเดิมเป็นบริษัทที่ทำกำไร ปีก่อนมีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท ปัญหาจอดำอาจส่งผลให้ต้องเผชิญภาวะขาดทุน ซึ่งช่อง 3 ยังหวังว่า กสท.จะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ดี เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ
"ส่วนตัวมองว่า หากยังไม่มีข้อสรุปในการพิจารณาแนวทางการออกอากาศคู่ขนาน ต้องการให้ กสท.พิจารณาผ่อนผันให้ช่อง 3 ทำหน้าที่เป็นฟรีทีวี เพื่อออกอากาศผ่านโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียมได้ต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยขยายเวลาทำหน้าที่มาแล้ว 100 วัน" นายฉัตรชัย กล่าว  พ.อ.นที กล่าวว่า การหารือกับช่อง 3 เรื่องการออกอากาศคู่ขนานยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ระหว่างนี้หากช่อง 3 มีข้อเสนอเพิ่มเติมให้เสนอมาที่บอร์ด กสท. เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาช่อง 3 จอดำ โดยหลักการแก้ปัญหาจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน แต่ส่วนตัวมองว่า ผู้ประกอบการต้องทำตามกติกาภายใต้การดูแลขององค์กรกำกับ แต่ก็หวังว่าจะไม่เกิดปัญหาจอดำ 
ขณะที่ นายธวัชชัย กล่าวว่า จากการหารือ ช่อง 3 ยืนยันว่า ตามแผนธุรกิจไม่มีแนวคิดที่จะนำช่อง 3 อนาล็อกมาออกอากาศคู่ขนานตั้งแต่ต้น โดยเมื่อสิ้นสุดสัมปทานกับ อสมท จะนำช่อง 3 อนาล็อก เปลี่ยนเป็นช่องทีวีดาวเทียม จึงต้องการให้ กสท.ยืนยันความถูกต้องด้านกฎหมายแนวทางการออกอากาศคู่ขนานระบบดิจิทัล ซึ่งบอร์ดจะหารือในประเด็นดังกล่าวภายในสัปดาห์นี้ 
ด้าน น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า แนวทางการออกอากาศคู่ขนานนั้น ทางช่อง 3 จะต้องเป็นผู้ส่งหนังสือขออนุญาตมาให้ กสท.พิจารณา หลังจากนั้นบอร์ด กสท.จะหารือแนวทางข้อกฎหมายที่ดำเนินได้อย่างถูกต้องอีกครั้ง และยืนยันว่า คำสั่งทางปกครอง มติ กสท.ห้ามโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียมยุติแพร่ภาพช่อง 3 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายนนี้ ยังมีผลบังคับใช้ 
ทั้งนี้ หากท้ายที่สุดช่อง 3 จะไม่ออกอากาศคู่ขนาน แต่แนวทางสนับสนุนทีวีดิจิทัลด้วยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ที่บอร์ด กสท.มีมติเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2557 ยังคงมีอยู่ และถือเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลในช่วงเปลี่ยนผ่าน