นายกฯมั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังคงมีความผันผวนเนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์ภายนอกโดยบางประเทศมีภาวะสงคราม ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจทั่วโลกและกระทบกับเศรษฐกิจไทย
เศรษฐกิจในไตรมาสต่อไปจะดีขึ้นได้แต่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจทุกฝ่ายต้องช่วยกันไม่ใช้เรื่องของรัฐบาลฝ่ายเดียว แต่เป็นเรื่อง ของรัฐบาล เอกชน และประชาชน ซึ่งกลไกของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.)ก็ทำงานร่วมกันอยู่ซึ่งหากไม่ช่วยกันแต่ให้รัฐบาลรับภาระ รัฐบาลก็ต้องใช้เงินจำนวนมากไปชดเชยไม่จบสิ้นก็มีภาระการกู้เงินก็จะตามมา สำหรับการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลขณะนี้ให้ความสำคัญในเรื่องการส่งออก ซึ่งขณะนี้กำลังหาวิธีที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้าการส่งออกให้เพิ่มสูงขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และการสร้างแบรนด์ของประเทศไทยเพื่อปรับปรุงการส่งออกให้ดีขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าว ยาง มันสำปะหลัง ซึ่งราคาสินค้าส่งออกของเราปัจจุบันมีต้นทุนที่สูงกว่าคู่แข่งเนื่องจากปัจจัยเรื่องค่าแรงของไทยที่ปรับตัวสูงกว่า และภาษีนำเข้าตามกรอบการค้าขององค์กรการค้าโลก การแข่งขันกับประเทศอื่นๆในภาวะที่เรามีต้นทุนสูงกว่าก็คือการที่จะต้องพยายามเพิ่มมูลค่าสินค้า การปรับปรุงบรรจุภัณฑ์เพื่อให้จำหน่ายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้นสำหรับเรื่องการปฏิรูปภาษีและเก็บภาษีมรดก ขอให้ประชาชนอย่ากังวล ขณะนี้ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าในการทำเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมโดยให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่เดือดร้อน ซึ่งมีเกณฑ์รายได้ในการเสียภาษีอยู่แล้วและถ้าคนไม่เข้าสู่ระบบภาษีภาครัฐก็ไม่ได้เงิน การพัฒนาประเทศก็ไม่เกิด คนที่ยังไม่เข้าระบบเสียภาษีก็สามารถกู้เงินเพื่อลงทุนและสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อมเพื่อให้มีรายได้เพื่อเข้าสู่ระบบภาษีเพื่อเป็นตอบแทนรัฐเพียงเล็กน้อย แต่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตคนให้ดีขึ้นได้อย่างไรก็ตามการปรับปรุงเรื่องภาษีจะไม่ใช่การที่ภาครัฐรีดเงินจากประชาชนมาใช้หนี้ ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแล้วยังมีมาตรการที่จะเป็นการยกเว้นภาษีได้อีก ซึ่งเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำก็เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลาในการแก้ไขนานแต่รัฐบาลนี้ก็จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปัญหาของไทยคือความล่าช้าในการลงทุนหรือติดตามดำเนินการกับต่างประเทศ เราต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่น การทำศูนย์บริการเบ็ดเสร็จจุดเดียว (one stop service)