svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

หอการค้าหั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 2.2 %

31 กรกฎาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ม.หอการค้าหั่นคาดการณ์จีดีพีปี 57 ลงเหลือ 2.2% จากเดิม 2.5% แม้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมชี้ส่งออกโตได้เพียง 1.8% พลาดเป้ากว่าแสนล้าน

ม.หอการค้าหั่นคาดการณ์จีดีพีปี 57 ลงเหลือ 2.2% จากเดิม 2.5% แม้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีขึ้น ธนวรรธน์ ชี้ส่งออกโตได้เพียง 1.8%พลาดเป้ากว่าแสนล้าน ขณะที่ท่องเที่ยวฟื้นไม่ทัน คาดรายได้ยังหลุดเป้า 2.8% จี้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณครึ่งปีหลังมีความสำคัญ ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ปี 58 เชื่อโตได้ 5% จากการเริ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมเฉลี่ยปีละ 3 แสนล้าน ดันจีดีพีปีละ 1 1.5% เตือนรับมือดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้น 0.25 0.5% ปีหน้า  
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจม.หอการค้าไทย กล่าวว่าแนวโน้วของเศรษฐกิจไทยในปี 2557 คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ 2.2%  ปรับตัวลดลงจากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2557 จะขยายตัวได้ประมาณ 2.5% โดยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เช่น การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวได้ 1.2% การลงทุนปรับตัวลดลง 0.4% เพิ่มขึ้นจากเดิมคาดว่าจะปรับลดลงถึง 1.1% จีดีพีภาคเกษตรขยายตัวได้ 2.1% และดัชนีภาคอุตสาหกรรมคาดว่าจะขยายตัวได้ 1.9%
นายธนวรรธ์กล่าวว่าการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงเนื่องจากในครึ่งแรกของปีนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยติดลบ 0.4% เนื่องจากปัญหาทางการเมืองที่กระทบการลงทุน ความเชื่อมั่นในการบริโภค และการส่งออกที่ปรับลดลง รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนและการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนเศษทำให้ทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้นเนื่อจากได้รับปัจจัยหนุนหลายด้าน เช่น สถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น  เศรษฐกิจโลมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น และเศรษฐกิจในเอเชียและอาเซียนที่ยังขยายตัวในระดับสูง และการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่มีการตั้งรัฐบาลใหม่ในเดือน ก.ย.ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ดีมากขึ้นโดยไตรมาสที่ 3/57 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ประมาณ 3.5% ขณะที่ไตรมาสที่ 4/57 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ถึง 5.6% จากแนวโน้มการบริโภค ที่ดีขึ้นและการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐลงสู่ระบบเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 2557 จะขยายตัวได้เพียง 1.8% เท่านั้น ต่ำกว่าประมาณการที่กระทรวงพาณิชย์คาดหมายว่าจะขยายตัว 3.5% เนื่องจากการส่งออกของไทยติดลบต่อเนื่องกันมานานถึง 5 เดือน และพึ่งจะฟื้นตัวได้ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาเท่านั้น ประกอบกับเศรษฐกิจของโลกที่พึ่งจะฟื้นตัวทำให้มูลค่ารวมการส่งออกในปี 2557 จะอยู่ที่ประมาณ 2.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่ามูลค่าที่มีการคาดการณ์ประมาณ 1 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 2557 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 24.9 ล้านคน โดยรายได้จากการท่องเที่ยวลดลง 5.9% จากปี 2556 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2557 จะอยู่ที่ประมาณ 1.17 ล้านล้านบาทลดลงจากปี 2556  2.8% หรือลดลงจากปีก่อนประมาณ 5 7 หมื่นล้านบาท
นายธนวรรธ์กล่าวด้วยว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยในปี 2558 จะขยายตัวได้ประมาณ 5% และมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในระดับ 5% ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 3 ปี โดยเป็นผลมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของรัฐบาลในระยะเวลา 8 ปี เฉลี่ยการลงทุนปีละประมาณ 3 แสนล้านบาทซึ่งจะช่วยทำให้จีดีพีขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 1.5% นอกจากนั้นการส่งออกในปี 2558 จะมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นโดยคาดว่าการส่งออกจะสามารถขยายตัวได้ถึง 6.2% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีทิศทางฟื้นตัวที่ชัดเจนโดยในปี 2558 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ถึง 5.3% ขณะที่ภูมิภาคอาเซียนเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับ 5 5.4% ส่วนจีนยังคงประมาณการเติบโตเศรษฐกิจที่ระดับ 7% ซึ่งประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการส่งออกไปยังคู่ค้าในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป นอกจากนั้นการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านและจีนก็จะมีความคึกคักเพิ่มขึ้นจากการเปิดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายของ คสช. 
การบริหารเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 จนถึงปี 2558  รัฐบาลมีประเด็นที่จะต้องบริหารจัดการคือการเร่งรัฐการเบิกจ่ายงบประมาณลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหากมีความล่าช้าไม่เป็นตามแผนก็จะกดดันให้จีดีพีของไทยโตต่ำกว่า 2% ได้ ส่วนภาคการส่งออกจะต้องจับตาดูค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนมากเกินไปเพราะจะกระทบกับการดำเนินธุรกิจของเอกชน โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสมและมีเสถียรภาพควรเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 32 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนั้นจะต้องเฝ้าระวังการผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศด้วยนายธนวรรธน์กล่าว    
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจม.หอการค้าไทยกล่าวด้วยว่าจากแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2558 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้นทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ (FED) จะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงประมาณกลางปี 2558 ภายหลังจากที่ยกเลิกมาตรการเสริมสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน (คิวอี) แล้ว ขณะที่ประเทศไทยในปี 2558 อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายประมาณ 0.25 0.5% จากปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยอยู่ที่ 2%   
การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน โดยสหรัฐฯได้ส่งสัญญาณเรื่องนี้มานานกว่า 9 เดือนแล้วเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการฟื้นตัวและมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้ภาคเอกชน ประชาชนและภาคธุรกิจได้มีการปรับตัว ส่วนเศรษฐกิจไทยเมื่อมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็อาจเกิดขึ้นได้ซึ่งเป็นไปตามกลไกของการบริหารเศรษฐกิจตามปกติของภาคการเงินนายธนวรรธน์กล่าว

logoline