หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในรอบ 9 ปี ตั้งแต่ปี 2549

จึงพึ่งพาการกู้เงินทั้งในและนอกระบบซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องการที่จะเข้าถึงสินเชื่อให้ง่ายเพื่อบรรเทาภาระหนี้โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ
แม้วันนี้สถานการณ์เมืองจะสงบ แต่เศรษฐกิจกลับซบเซา ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการจับจ่าย ขณะที่บางส่วนมีหนี้เพิ่มมากขึ้น พ่อค้าแม้ขายบางคนบอกว่า ต้องยอมเป็นหนี้นอกระบบ ด้วยการจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน วันละ 1,200 บาท เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเช่าที่และค่าวัตถุดิบ แต่ยอดเงินต้น ไม่ได้ลดลงเลย  บ้างก็มีหนี้สินจำนวนหลายหมื่นบาท จากหนี้นอกระบบ เพราะนอกจากจะใช้เป็นเงินทุนทำมาหากิน ยังต้องนำไปจ่ายเป็นเงินกู้ยืมเรียนของลูกๆอีก
ขณะที่ผลสำรวจ ของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ปีนี้ คนไทย เป็นหนี้มากขึ้น เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น จากข้อมูลเฉลี่ยแล้ว แต่ละบ้านจะเป็นหนี้ประมาณ 2 แสน 1 หมื่นบาท แบ่งเป็นหนี้ในระบบและนอกระบบแบบครึ่งต่อครึ่ง ทำให้การขยายตัวหนี้ภาคครัวเรือน วันนี้เพิ่มขึ้นสูงที่สุด ในรอบ 9 ปี
กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 83 บอกว่า เคยมีปัญหาการจ่ายหนี้ คือ จ่ายได้บ้าง จ่ายไม่ได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีปัญหาการออม ส่วนคนที่เคยออมได้ก็ออมได้น้อยลง เพราะค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เสนอแนะว่าภาครัฐควรมีมาตรการลดค่าครองชีพให้เหมาะสมกับรายได้คนส่วนใหญ่ของประเทศ, ดำเนินนโยบายแก้ปัญหาอย่างจริงจัง, ส่งเสริมการสร้างงาน รวมถึงอาจจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีภาระหนี้
ธนาคารออมสินจึงวิเคราะห์ลักษณะลูกหนี้ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ จะเห็นว่าหนี้นอกระบบกลุ่ม B พอจะช่วยได้มากที่สุด ทางธนาคารออมสินจึงเตรียมเสนอกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ผ่อนคลายทุกหลักเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสินเชื่อ ทั้งการค้ำประกัน การแสดงบัญชีกระแสรายวัน ลดสัดส่วนสินทรัพย์ต่อหนี้สิน ละระยะเวลาสำหรับใครที่มีชื่อติดแบล็คลิสต์ในเครดิตบูโร เชื่อว่าจะช่วยลูกหนี้นอกระบบได้มาก สรุปว่าการแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือทุกหน่วยงาน และความจริงจังของ คสช.