นางบุญส่ง เปิดเผยว่า ตนเองเป็นเพียงคนดูแลสวน โดยสวนทุเรียนแห่งนี้มี นายวรรณชัย กาญจนเพ็ญ เป็นเจ้าของสวนซึ่งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร "สวนหลงรักไทย" มีเนื้อที่ 45 ไร่ ปลูกทุเรียนพันธุ์หลงรักไทย จำนวน 500 กว่าต้น และสามารถเก็บผลผลิตได้สูงมากกว่า 1 ตันต่อวัน โดยจะมีพ่อค้า-แม่ค้ามารับไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ส่วนเอกลักษณ์และจุดเด่นของทุเรียนพันธุ์หลงรักไทยนั้นก็คือ เนื้อทุเรียนจะมีลักษณะเนื้อละเอียดแน่น ไม่เละจนเกินไป สีเหลืองทอง รสชาดหวานและหอมกว่า อร่อยกว่าทุเรียนพันธุ์หลินลับแล หลงลับแล ทั้งที่ต้นพันธุ์มาจากพันธุ์ทุเรียนพันธุ์หลินลับแลหลงลับแล อาจเป็นเพราะบ้านรักไทยสภาพอากาศเย็น ที่ อ.เนินมะปราง แร่ธาตุในดินดีทำให้เนื้อทุเรียนที่นี่อร่อยกว่าที่อื่น และขณะนี้กำลังเป็นต้องการของผู้บริโภคและพ่อค้า ในจังหวัดใกล้เคียง ส่วนในเรื่องของราคาหน้าสวนนั้นจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-180 บาท โดยราคาจะขึ้นอยู่กับเกรดของทุเรียน ขณะที่ราคาท้องตลาดช่วงออกใหม่ๆแบบนี้จะสูงถึงกิโลกรัมละ 300 บาท ทั้งนี้ ทุเรียนสายพันธุ์หลงรักไทย ของสวนหลงรักไทย ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ยังถือว่าเป็นรายแรกและรายเดียวของ จ.พิษณุโลก ที่มีการเพาะปลูกจนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกมาให้ประชาชนได้รับประทานกัน คาดว่าจะเป็นอีกจุดที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยว จ.พิษณุโลก เพื่อชมสวนทุเรียนและเลือกซื้อทุเรียนบริโภคกันอย่างคึกคัก