svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ผู้นำแคว้นคาตาโลเนียประกาศเป็นเชิงสัญลักษณ์ในการแยกตัวออกจากสเปน

11 ตุลาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้นำแคว้นคาตาโลเนียประกาศเป็นเชิงสัญญลักษณ์ในการแยกตัวออกจากสเปน เพื่อเคารพต่อมติของชาวคาตาลันที่ใช้สิทธิลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน โดยยอมเปิดให้มีการเจรจากับรัฐบาลกลางก่อนที่จะดำเนินการประกาศอิสรภาพจากสเปนอย่างเป็นทางการในขั้นตอนต่อไป ขณะที่รัฐบาลสเปนนั้นออกมาขู่ว่าหากแคว้นคาตาโลเนียแยกตัวออกเป็นอิสระแล้ว ก็จะไม่สามารถมีส่วนร่วมอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไปได้

IMF ปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.1% ซึ่งขยายตัวในวงกว้างทั้งสหรัฐ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศในตลาดเกิดใหม่เอเชีย พร้อมเตือนถึงปมร้อนในความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่นกรณีภัยคุกคามจากการทดลองขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากนโยบายการการเงินคุมเข้มที่เกิดขึ้นเร็วกว่าคาดของสหรัฐและยุโรป
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาที่ทำเนียบขาวปูทางเพิ่มงบด้านการทหารอีกอย่างน้อย 10% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2018 จนทะลุระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2020 จากงบประมาณด้านการทหารในปีปัจจุบันซึ่งยู่ที่ 6 แสนล้านดอลลาร์ อ้างรับมือสถานการณ์สงครามที่เป็น Hot Spot ของความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ 8-9 จุดทั่วโลกในขณะนี้

1.ชาวคาตาโลเนีย (กาตาลุนญา) หนุนคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นคาตาโลเนีย ประกาศเป็นเชิงสัญญลักษณ์ในการแยกตัวออกจากสเปน เพื่อเคารพต่อมติของชาวคาตาลันที่ใช้สิทธิลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน โดยยอมเปิดให้มีการเจรจากับรัฐบาลกลางก่อนที่จะดำเนินการประกาศอิสรภาพจากสเปนอย่างเป็นทางการในขั้นตอนต่อไป ซึ่งคำกล่าวนี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐสภาคาตาลันมีการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้นำแคว้นคาตาโลเนียประกาศว่า คาตาโลเนีย (กาตาลุนญา) ควรจะเป็นรัฐที่เป็นอิสระในรูปแบบของสาธารณรัฐ
ส่วนทางด้านรัฐบาลสเปนนั้น ขู่ว่า หากแคว้นคาตาโลเนียแยกตัวออกเป็นอิสระแล้ว ก็จะไม่สามารถมีส่วนร่วมอยู่ในสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปได้ ซึ่งรัฐสภาของสเปนจะมีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาการลงประชามติของแคว้นคาตาโลเนียในวันพุธ ขณะเดียวกันบรรดาตัวแทนของผู้นำ EU ได้ออกมาสร้างแรงกดดัน เนื่องจากอาจจะไม่ให้การรับรองต่อผลการลงประชามติเมื่อวันาทืตย์ที่ผ่านมา


2.กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO หรือ World Economic Outlook) ในวันอังคารที่ผ่านมา มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และปีหน้า ที่กระจายตัวในวงกว้างทั้งสหรัฐ ยุโรป จีน และญี่ปุ่น รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศในตลาดเกิดใหม่เอเชีย พร้อมเตือนถึงความตึงเครียดที่เป็นปมร้อนในความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่นกรณีภัยคุกคามจากการทดลองขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งนโยบายการการเงินคุมเข้มที่เกิดขึ้นเร็วกว่าคาดของสหรัฐและยุโรป จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก
IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2017 ที่ 3.6% โดยเพิ่มขึ้น 0.1% และจะขยายตัว 3.7% ในปี 2018 โดยเพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกันจากการคาดการณ์เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของสหรัฐในปีนี้ที่ 2.2% เพิ่มขึ้น 0.1% และจะขยายตัว 2.3% ในปีหน้า เพิ่มขึ้น 0.2% จากตัวเลขคาดการณ์เดิม ขณะที่ยูโรโซนจะมีอัตรการขยายตัวในปีนี้ที่ 2.1% เพิ่มขึ้น 0.2% และจะขยายตัว 1.9% ในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2%
ส่วนเศรษฐกิจเอเชียนั้น การขยายตัวของญี่ปุ่นในปีนี้อยู่ที่ 1.5% เพิ่มขึ้น 0.2% และจะขยายตัว 0.7% ในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้น 0.1% ขณะเดียวกันการขยายตัวของจีนในปีนี้จะอยู่ในระดับ 6.8% เพิ่มขึ้น 0.1% และจะขยายตัว 6.5% ในปีหน้า เพิ่มขึ้น 0.1% สำหรับการขยายตัวโดยรวมของเศรษฐกิจใน 5 ประเทศของอาเซียทั้งไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จะเพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ระดับ 5.2% ในปีนี้ และในปีหน้า


3.จับตาทำเนียบขาวปูทางเพิ่มงบด้านการทหารอีกอย่างน้อย 10% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2018 จนทะลุระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2020 จากงบประมาณด้านการทหารในปีปัจจุบันซึ่งยู่ที่ 6 แสนล้านดอลลาร์ อ้างรับมือสถานการณ์สงครามที่ยังคุกรุ่นจากปมร้อนของความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ 8-9 จุดทั่วโลกในขณะนี้
ภาพของสงครามที่เป็นปมร้อนยังคงครอบคลุมอยู่ที่สถานการณ์สู้รบใน Afghanistan, Iraq, Libya, Syria, Yemen, Somalia รวมถึงปมขัดแย้งที่มีการเผชิญหน้ากับรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ ล่าสุดการคว่ำบาตรต่อเวเนซูเอลา ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์เคบประกาศลั่นว่าอาจจะส่งกองกำลังสหรัฐเข้าไปจัดการหากรัฐบาลของเวเนซูเอลายังคงใช้ความรุนแรงคุกคามด้านสิทธิมนุษยชนที่แสดงออกถึงระบอบประชาธอปไตยของประชาชน.ขณะที่จิม แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ย้ำว่า สหรัฐยังคงเดินหน้าใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจและการทูตเพื่อให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม นายแมททิสแนะนำว่า กองกำลังทหารของสหรัฐควรเตรียมความพร้อม หากการใช้วิธีทางการทูตและการเจรจากับเกาหลีเหนือประสบความล้มเหลว เท่ากับเป็นการย้ำจุดยืนที่ว่ารัฐบาลสหรัฐยังพิจารณาตัวเลือกทั้งหมด รวมถึงการใช้กำลังทหาร ในการจัดการกับเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียรและขีปนาวุธหลายครั้ง ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีมีความตึงเครียดหนักขึ้น


4.ทั้งนี้ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมา รับข่าวความวิตกกังวลเกี่ยวกับผู้นำแคว้นคาตาโลเนียประกาศเดินหน้าเจตนารมณ์ในการแยกตัวเป็นอิสรภาพจากสเปน โดยเฉพาะดัชนีตลาดหุ้นสเปน IBEX 35 ที่ร่วงลงถึง 0.9% นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลงหนัก
แต่ตลาดก็ได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มแบรนด์หรู เช่นหลุยส์ วิตตอง ที่เผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยที่ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลงเพียง 0.01% ปิดที่ 390.16 จุด ทั้งนี้ DAX เยอรมันปิดที่ 12,949 ลดลง 0.21% ดัชนี CAC-40 ฝรั่งเศสปิดที่ 5,363 ลดลง 0.04% ส่วน FTSE 100 ลอนดอนปิดที่ 7,538 เพิ่มขึ้น 0.4%
ตรงกันข้ามกับหุ้นสหรัฐกลับมาฟื้นตัวในการซื้อขายวันอังคาร ดัขนีดาวโจนส?เพิ่มขึ้นทำนิวไฮทะลุ 22,830

5.สำนักข่าวบีบีซีรายงานเผยแฮ็กเกอร์ ซึ่งเป็นนักเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของเกาหลีเหนือขโมยข้อมูลลับทางการทหารจากเกาหลีใต้ รวมถึงแผนลอบสังหารคิม จองอึน ผู้นำของเกาหลีเหนือ แผนทำสงครามที่สหรัฐกับเกาหลีใต้วางไว้ร่วมกัน รวมทั้งรายงานที่นำเสนอต่อผู้บัญชาการอาวุโสของสหรัฐและเกาหลีใต้ ทางด้านเกาหลีเหนือปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและกล่าวหาเกาหลีใต้กุเรื่องขึ้น

ขณะที่ รี ชอล-ฮี สมาชิกรัฐสภาของเกาหลีใต้ และเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกลาโหมของรัฐสภา กล่าวว่า ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ แต่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว
บีบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า แฮ็กเกอร์ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ระบุแผนการของกองกำลังพิเศษของเกาหลีใต้ ข้อมูลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าและสถานที่ทางการทหารที่สำคัญต่าง ๆ ในเกาหลีใต้ด้วย
ทั้งนี้ เอกสารทางการทหารขนาด 235 กิกะไบต์ ได้ถูกขโมยไปจากศูนย์ข้อมูลรวมกลาโหม ซึ่งเอกสารเหล่านี้ราว 80% ยังไม่ได้รับการตรวจสอบว่าเป็นเอกสารอะไรทั้งนี้การเจาะระบบของแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว และเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ออกมาระบุว่าถูกล้วงข้อมูลไปเป็นจำนวนมาก และคิดว่าเกาหลีเหนืออาจจะปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์

logoline