3 แบงก์ปล่อยกู้บีทีเอส สายชมพู-เหลือง 6.3 หมื่นล้าน

โดยสัญญาเงินกู้ครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ฉบับ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 31,680 ล้านบาท ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 31,680 ล้านบาท ระยะทาง30.4 กิโลเมตร ซึ่งการลงนามเงินกู้ครั้งนี้จะทำให้โครงการรถไฟฟ้าทั้ง2เส้นทางมีความพร้อมจากการที่ได้รับการสนับสนุน ด้านการเงินเพื่อนำไปใช้ก่อสร้างสถานี ทางวิ่งยกระดับงานระบบเครื่องกล งานระบบอาณัติสัญญาณ ขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรล รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัทนอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด และบริษัทอีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าทั้ง2สายนี้เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว โมโนเรล แบบยกระดับ 2สายแรกของประเทศ เป็นโครงการร่วมทุนในลักษณะ PPP Net Cost กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ผู้ร่วมลงทุนประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)และบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นทั้ง 3 บริษัท จะนำความรู้ความชำนาญในสายงานที่ตนมีร่วมกันดำเนินงานโครงการทั้ง 2 เส้นทางให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ และตามกำหนดการที่ได้ตั้งไว้

การที่บริษัทได้ผู้สนับสนุนทางการเงินแล้วทำให้โครงการมีความพร้อมในทุกๆด้าน ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้างงานโยธา คือบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างจัดหาระบบรถไฟฟ้า รวมถึงขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรล คือกลุ่มบริษัท บอมบาดิเอร์เรียบร้อยแล้วจึงมั่นใจว่าจะทำให้โครงการสามารถลงมือก่อสร้างได้ทันทีหลังจากที่รฟม.ส่งมอบพื้นที่ให้โดยมีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมจะเปิดให้บริการในปี 2563

"ผมขอขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ให้การสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้าทั้ง2เส้นทางเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเดินทาง"

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารเป็นผู้นำในการจัดหาเงินกู้สนับสนุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 2เส้นทางโดยมีวงเงินสินเชื่อระยะยาว (Term Loan) ในรูปแบบการปล่อยกู้ร่วม (Syndicate Loan)ทั้งสิ้น 63,360 ล้านบาท ส่วนนี้ธนาคารกรุงเทพมีส่วนการปล่อยสินเชื่อประมาณ 33% ของวงเงินกู้รวมในโครงการนี้คิดเป็นวงเงินประมาณ 21,120 ล้านบาท โดยจะทยอยเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2560

"โครงการนี้เป็นโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดีเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในประเทศตลอดจนเป็นปัจจัยตั้งต้นที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนในแต่ละระดับเกิดการจ้างงานและการบริโภคตามมาอันเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เศรษฐกิจทั้งระบบหมุนเวียนและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"นายชาติศิริ กล่าว

นายวีระพงศ์ ศุภเศรษฐศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าธนาคารกรุงไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมลงทุนของโครงการนี้มาแต่ยาวนาน ทั้ง บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ , ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น และ ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ส่วนการสนับสนุนทางการเงินของธนาคารเพื่อลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าทั้ง2เส้นทางครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสนับสนุนด้านธุรกิจของกลุ่มผู้ลงทุนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ

ที่ผ่านมาผลงานการก่อสร้างของ บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น ประสบความสำเร็จ อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ, โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงท่าพระ-หลักสอง, โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เป็นต้น ทำให้ธนาคารมั่นใจได้ว่าการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง2เส้นทาง จะสำเร็จตามแผนที่วางไว้

นายวศิน ไสยวรรณ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด Multi-Corporate Segment และผู้บริหารสูงสุด Corporate Segment ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้านระบบขนส่งมวลชนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว ธนาคารไทยพาณิชย์ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนทางการเงินให้กับกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) เพื่อก่อสร้างและประกอบกิจการโครงการรถไฟฟ้าทั้ง2เส้นทาง ถือเป็นโครงการนำร่องตามมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ได้มาตรฐาน สะดวกรวดเร็ว สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสายหลักอื่นๆได้ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว(ส่วนต่อขยาย) (หมอชิต-คูคต), โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-บางไผ่), โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง), โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต), โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) และรถไฟฟ้า Airport Rail Link ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง