"กกพ.ยังไม่สามารถตอบได้ว่า โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่จะแพงขึ้น หรือถูกลง แต่จะเข้มงวดมากขึ้นให้ กฟผ.ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าออกไป เช่น การปรับปรุงสำนักงาน ส่วนจะเก็บค่าไฟฟ้าเป็นรายภูมิภาคหรือไม่นั้น ยังต้องรอผลการศึกษาและนโยบายจากภาครัฐอีกครั้ง" นายวีระพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม กกพ.ได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ศึกษาการพัฒนาระบบไมโครกริด หรือการเชื่อต่อระบบโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะ หรือพื้นที่บนภูเขา เพื่อทดแทนการลงทุนสายเคเบิล ที่ปัจจุบัน หลายเกาะในประเทศไทย ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ต้องต่อสายเคเบิลมูลค่าหลายพันล้านบาทไปบริการ โดยปัจจุบัน กฟผ. และกฟภ.อยู่ระหว่างนำร่องใช้ระบบไมโครกริด และสมาร์ทกริด ในจ.แม่ฮ่องสอน และพัทยา ซึ่งหากประสบผลสำเร็จก็จะวางแผนขยายไปยังพื้นที่อื่นต่อไป
นายวีระพล กล่าวว่า กกพ.เตรียมออกประกาศจัดเก็บอัตราค่าบริการสายส่งและจำหน่าย(วิลลิ่งชาร์จ)อัตราชั่วคราวในเดือน ต.ค.นี้ สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก(SPP) ที่ผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการหรือโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อลดปัญหาความซ้ำซ้อนการลงทุนก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า และลดผลกระทบต่อรายได้ของการไฟฟ้าฯที่หายไป ขณะนี้อัตราถาวร คาดว่าจะประกาศใช้อีกครั้งในปี 2561 หลังจากจัดทำโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่แล้วเสร็จ