svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

UNSC ประชุมฉุกเฉินพิจารณามาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรุนแรงมากที่สุด

05 กันยายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ในความพยายามของ UNSC ที่จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อพิจารณามาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติระบุว่าเกาหลีเหนือกำลังร้องขอสงคราม "Begging For War" ให้เกิดขึ้น ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอพยพประชาชน 60,000 คนที่พักอาศัยและไปเยี่ยมเยือนออกจากเกาหลีใต้ หลังการทดสอบยิงระเบิดไฮโดเรเจนของเกาหลีเหนือ จับตาการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 9 กันยายนซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองวันชาติของเกาหลีเหนือ

ท่าทีล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์ ย้ำเตือนอีกว่า สหรัฐจะยกระดับการคว่ำบาตร พร้อมขู่ตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับชาติใดก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือ ส่วนกลุ่ม G7 ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติร่วมกันร่างมติฉบับใหม่เพื่อให้มีการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงมากขึ้นต่อเกาหลีเหนือ ขณะที่จีนเข้าขวางลำยืนยันไม่ยอมรับต่อการกระทำที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในคาบสมุทรเกาหลี

ทางด้านประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์อาสาเป็นคนกลางแก้ไขวิกฤตการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี พร้อมจัดให้มีการประชุมในระดับรัฐมนตรี จากการที่สวิตเซอร์แลนด์เคยมีบทบาทส่งทหารเข้าประจำการบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มาแล้ว รวมทั้งเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ในการดำเนินนโยบายการทูตที่เป็นกลางมายาวนาน อย่างไรก็ตาม จีนและสหรัฐจะต้องร่วมกันแบกรับความรับผิดชอบเช่นกัน

1. ในระหว่างที่ UNSC เปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อพิจารณามาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรุนแรงมากขึ้น หลังการทดสอบยิงระเบิดไฮโดเรเจนของเกาหลีเหนือ ขณะที่ทั่วโลกเริ่มจับตาการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 9 กันยายน ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองวันชาติในการก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
ท่ามกลางผู้เชี่ยวชาญที่ออกมาระบุว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมทำการยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ในวันเสาร์ที่ 9 กะนยายนนี้ เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติการก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ โดยก่อนหน้านี้เกาหลีเหนือก็ได้ทำการทดลองนิวเคลียร์ในวันดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอพยพประชาชน 60,000 คนที่พักอาศัยและไปเยี่ยมเยือนออกจากเกาหลีใต้ หลังการทดสอบยิงระเบิดไฮโดเรเจนของเกาหลีเหนือเป็นครั้งที่ 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


2. นิกกี ฮาลีย์ ทูตถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวกระตุ้นและเร่งรัดให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่มีสมาชิก 15 ชาติบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดต่อเกาหลีเหนือ หลังจากที่ได้ทำการทดลองระเบิดไฮโดรเจนครั้งที่ 6 เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเกาหลีเหนือกำลังร้องขอสงคราม "Begging For War" ให้เกิดขึ้น ซึ่งพอกันทีกับเวลาในการใช้มาตรการคว่ำบาตรครึ่งๆ กลางๆ ได้ผ่านไปแล้ว
โดยเฉพาะโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีความคืบหน้า และเป็นอันตรายมากกว่าในอดีต ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรที่มีการบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2006 ใช้ไม่ได้ผลกับเกาหลีเหนืออีกแล้ว รวมทั้งถึงเวลาที่จะต้องใช้แนวทางทางการทูตทั้งหมดก่อนที่จะสายเกินไป
ทางด้านฟรองซัวส์ เดอแลตเตร ทูตฝรั่งเศสใน UN กล่าวว่า UNSC ควรดำเนินการอย่างรวดเร็วและเป็นเอกภาพ กับการออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่เพื่อตอบโต้ต่อการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพราะความอ่อนแอ และความกำกวมไม่ใช่ทางเลือก ส่วนทูตถาวรของญี่ปุ่นย้ำว่า คณะมนตรีความมั่นคงจะต้องมีแถลงการณ์ประณามที่ชัดเจน และทำให้เกาหลีเหนือรู้สึกกดดันและยุติการทดลองขีปนาวุธนิวเคลียร์


3. ขณะที่กลุ่มประเทศ G7 ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ UNSC ร่างมติฉบับใหม่โเพื่อให้มีการคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง ทั้งนี้ แถลงการณ์ผู้นำของสหรัฐ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ยังได้ประณามเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกันก็แสดงการสนับสนุนประเทศในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ กลุ่ม G7 ยังระบุว่า ความคืบหน้าในโครงการขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ กำลังทำให้เกิดภัยคุกคามมากขึ้นต่อสันติภาพ และเสถียรภาพระหว่างประเทศ
ทางด้านดอริส เลอูทาร์ด ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวอาสาเป็นคนกลางในการแก้ไขวิกฤตการณ์คาบสมุทรเกาหลี โดยพร้อมจัดให้มีการประชุมในระดับรัฐมนตรี เนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์เคยมีบทบาทส่งทหารเข้าประจำการบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มาแล้ว รวมทั้งเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ในการดำเนินนโยบายการทูตที่เป็นกลางมายาวนาน
นอกจากนี้ ผู้นำสวิตเซอร์แลนด์ยังกล่าวย้ำว่า จีนและสหรัฐจะต้องร่วมกันแบกรับความรับผิดชอบเช่นกัน


4. ส่วนท่าทีล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่าสหรัฐจะยกระดับการคว่ำบาตร และขู่ตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับชาติใดก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือ โดยแถลงการณ์ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีมูน แจ อิน ของเกาหลีใต้ มีการหารือกันทางโทรศัพท์ โดยทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดเพื่อกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ พร้อมกับย้ำว่าขณะนี้สหรัฐกำลังพิจารณาทุกทางเลือกในการแก้ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือ
สำนักข่าวซินหัวจองจีนรายงานว่า ทั้งผู้นำสหรัฐและเกาหลีใต้ยังได้เห็นพ้องกันที่จะร่วมแสดงแสนยานุภาพทางทหารเพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งผู้นำสหรัฐได้ให้คำมั่นว่าจะลดข้อจำกัดในการเสริมเขี้ยวเล็บด้านขีปนาวุธให้กับเกาหลีใต้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกันทูตถาวรจีนประจำสหประชาชาติเข้าขวางลำยืนยันไม่ยอมรับต่อการกระทำที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในคาบสมุทรเกาหลี


5. จากรายงานการศึกษาของ MIT เปิดเผยว่า จีนเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในการซื้อสินค้าที่ส่งออกจากเกาหลีเหนือถึง 83% และยังเป็นผู้ขายสินค้าให้กับเกาหลีเหนือสูงถึง 85% ขณะเดียวกันจีนกับสหรัฐก็เป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่ที่สุดมูลค่าถึง 5.78 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่ปล้ว นอกจากนี้ อินเดียยังมีการส่งออกไปเกาหลีเหนือ 3.5% และมีการนำเข้า 3.1% โดยรวมแล้วประเทศในเอเชียด้วยกันมีการส่งออกไปเกาหลีเหนือ 92% และมีการนำเข้า 93%
ขณะที่รัสเซียและประเทศยุโรปชั้นนำที่ค้าขายกับเกาหลีเหนือมรสัดส่วนในการส่งออกแลพนำเข้าราว 2%
รายงานของ MIT ยังระบุว่า มีกว่า 100 ประเทศที่ค้าขายอยู่กับเกาหลีเหนือ อาทิ ฝรั่งเศส เม็กซิโก ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย บราซิล และชิลี

ทั้งนี้ในช่วงปี 2010-2015 นั้น เกาหลีเหนือมีการส่งออกที่เพิ่มขึ้นถึง 54% จากมูลค่าราว 1.83 พันล้านดอลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 2.83 พันล้านดอลลาร์ ศึ่งสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นถ่านหินและสินค้าพวกการ์เมนท์

logoline