ปฏิบัติการแทรกแซงตลาดการเงินสหรัฐ ช่วยคลายกังวลตลาดจากเหตุยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

ส่วนปฏิกริยาของสองมหาอำนาจทั้งจากสหรัฐและจีนล่าสุด ถึงแม้ว่าจะยังไม่มี Fire And Furry ในขณะนี้ แต่ทรัมป์ได้ระบุในแถลงการณ์ยืนยันว่าทุกทางเลือกในการจัดการปัญหาเกาหลีเหนืออยู่บนโต๊ะของเขาแล้ว โดยที่สหรัฐพร้อมใช้ทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ ขณะที่ทางการจีนเตือนความตึงครียดได้มาถึงจุดพลิกผันที่จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้และให้ระมัดระวังการยั่วยุ โดยที่สหรัฐและเกาหลีใต้ก็ต้องรับผลจากการกระทำที่เกิดขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจเดือนสิงหาคมล่าสุดของ Conference Board Survey ของสหรัฐ ชี้ว่า 80% ของคนอเมริกันเชื่อว่า ราคาหุ้นจะไม่ปรับตัวลดลงต่ำในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ส่วน 20% เชิ่อว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นท่าทีที่ผ่อนคลายลงจากการสำรวจครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่มองว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับสูงและปรับตัวขึ้นที่ร้อนแรงจนเกินไป

1.ทุกครั้งที่มีการคากคะเนว่าตลาดการเงินสหรัฐอาจจะตกอยู่ในภาวะตื่นกลัวมากเกินไป ปฏิบัติการจากทีมปกป้องความตื่นตระหนก หรือ Panic ProtectionTteam ของกระทรวงการคลังสหรัฐ ก็จะเริ่มดำเนินการในการแทรกแซงตลาดการเงินสหรัฐช่วงค่ำคืนวันอังคาร โดยเข้าแทรกแซงตลาดการเงินสหรัฐด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ทั้งหุ้น บอนด์ และเงินดอลลาร์ หลังราคาสินทรัพย์ทางการเงินร่วงลงในช่วงเปิดตลาด โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ร่วงลงทันทีถึง 100 จุดในช่วงเปิดตลาด
เนื่องจากข่าวการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปของเกาหลีเหนือที่บินเหนือเกาะฮอกไกโดโดยไปตกนอกชายฝั่งที่ห่างไปเพียง 1,180 กิโลเมตร กลายเป็นความตึงเครียดมากขึ้นในภูมิภาค โดยที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศจะทำการประท้วงอย่างแข็งกร้าวที่จะให้มีการใช้มาตรการจัดการอย่างเด็ดขาด ส่วนทางด้านเกาหลีเหนือก็ออกมาอ้างเช่นกันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาจากการซ้อมรบของกองทัพเกาหลีใต้และกองทัพสหรัฐเพื่อบุกเกาหลีเหนือ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์จะตอบโต้

2.สำหรับท่าทีของสองมหาอำนาจทั้งจากสหรัฐและจีนล่าสุด ถึงแม้ว่าจะยังไม่มี Fire And Furry ในขณะนี้ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุในแถลงการณ์ยืนยันว่าทุกทางเลือกในการจัดการปัญหาเกาหลีเหนืออยู่บนโต๊ะของเขาแล้ว โดยที่สหรัฐพร้อมใช้ทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวยังระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ย้ำว่าโลกได้รับข้อความล่าสุดที่มีความชัดเจนและดังกึกก้องจากเกาหลีเหนือแล้ว ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อเพื่อนบ้านและทุกประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ ที่จะยอมรับได้ในระดับสากลต่อพฤติกรรมที่เย้ยหยันเช่นนี้ ซึ่งถือเป็นการข่มขู่ คุกคาม และทำลายเสถียรภาพ โดยมีแต่จะทำให้เกาหลีเหนือถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น
ขณะที่ทางการจีนเตือนความตึงครียดได้มาถึงจุดพลิกผันที่จะเกิดอะไรขึ้นก็ได้และให้ระมัดระวังการยั่วยุ โดยที่สหรัฐและเกาหลีใต้ก็ต้องรับผลจากการกระทำที่เกิดขึ้น ซึ่งล่าสุดจีนได้ขอให้สหรัฐและเกาหลีใต้เคารพในผลประโยชน์ด้านความมั่นคง รวมถึงความกังวลของจีนและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ด้วยการยุติการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐในเกาหลีใต้ ท่ามกลางการประชุมระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้และรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม
ซึ่งจีนย้ำว่าการติดตั้ง THAAD นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาด้านความมั่นคงของประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่กลับจะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความสมดุลทางยุทธศาสตร์ และทำลายผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคซึ่งรวมถึงจีนด้วย อีกทั้งยังจะท้าทายทำให้ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

3.ขณะที่สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) รายงานในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางที่เรียกว่า ฮวาซอง-12 (Hwasong-12) ข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ก่อนไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อช่วงเช้าวันอังคารนั้น เป็นการทดสอบขีปนาวุธแค่การโหมโรง
โดย KCNA รายงานว่า คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่เดินทางไปขมการทดสอบขีปนาวุธด้วยตนเอง ได้แสดงความพอใจในความสำเร็จของการทดสอบครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางเมื่อวานนี้ ยังเป็นเพียงก้าวแรกของปฏิบัติการทางทหารของเกาหลีเหนือ ก่อนที่จะทำการทดสอบยิงขีปนาวุธให้ไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้นในอนาคต
หลังจากที่ผู้นำเกาหลีเหนือเคยขู่ว่าจะยิงขีปนาวุธไปยังเกาะกวมซึ่งเป็นฐานะที่มั่นของกองทีพสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิกดทื่แกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

4.ขณะที่ผลสำรวจเดือนสิงหาคมล่าสุดของ Conference Board Survey ของสหรัฐ ชี้ว่า 80% ของคนอเมริกันเชื่อว่า ราคาหุ้นจะไม่ปรับตัวลดลงต่ำในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ส่วน 20% เชิ่อว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นท่าทีที่ผ่อนคลายลงจากการสำรวจครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ หลังจากที่เคยมองว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับสูงและปรับตัวขึ้นที่ร้อนแรงจนเกินไป โดยนักลงทุนสหรัฐเชื่อว่า จะมีการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นภายในปี 2017 นี้
โดยผลสำรวจของ Conference Board ยังระบุอีกว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอเมริกันปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 122.9 ในเดือนสิงหาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 120.3 จากแรงหนุนที่ผู้บริโภคประเมินสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันในทิศทางที่ดี และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดแรงงานในสหรัฐ

5.ทางด้านภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ ได้รับผลกระทบในช่วงต้นจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี โดยดาวโจนส์ที่ร่วงลงทันทีถึง 100 จุดในช่วงเปิดตลาด แต่เมื่อสัญญาณการซื้อหุ้นเข้ามาในตลาด ประกอยกับมีข่าว เกี่ยวกับปฏิบัติการจากทีมปกป้องความตื่นตระหนก (Panic ProtectionTteam) ของกระทรวงการคลังสหรัฐได้เริ่มดำเนินการแทรกแซงตลาดการเงินสหรัฐ
ทำให้ตลาดผ่อนคลายความตึงเตรียดลง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวในทิศทางดีขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 21,865 เพิ่มขึ้น 56.97 จุด หรือ 0.26% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,301 เพิ่มขึ้น 0.3% และ S&P500 ปิดที่ 2,446 เพิ่มขึ้น 0.08%
อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนมาจากนักวิเคราะห์ว่า ตลาดต้องระวังการซื้อที่มากเกินไปในตลาดหุ้นสหรัฐในวันอังคาร ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนในทิศทางที่อ่อนตัวลง โดยที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ หรือ Dollar Index ร่วงลงหลุดระดับ 93 ไปอยู่ที่ระดับ 92.20 ล่าสุด เนื่องจากจะยังมีแรงเหวี่ยเนงจากความเสี่ยงจากปัญหาขัดแย้งของภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะปัญหาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก มีรายงานข่าวว่ากองทัพอากาศสหรัฐได้ทำการทดสอบระบบป้องกันการถูกโจมตีด้วยจรวดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่เนวาดา โดยมีฝูงบินปฏิบัติการที่ประกอบด้วยเครื่องบินที่เรียกว่า B61-12