svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

จับตามอง อสังหาฯ ร่วมทุนกับต่างชาติ ผู้บริโภคได้อะไร

25 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

[สกู๊ปพิเศษ] ในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังเดินหน้าอย่างฝืดเคือง อันเป็นผลจากหลายปัจจัย ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน การเข้มงวดปล่อยสินเชื่อผู้อยู่อาศัย



รวมไปถึงการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ที่ส่อแววจะส่งผลกระทบในปี 61 ประกอบกับในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่างพากันหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มความต้องการผู้อยู่อาศัย และนั่นรวมไปถึงการร่วมทุนกับต่างชาติเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ทั้งนี้นอกจากกระจายเงินลงทุนโดยไม่ต้องพึ่งสถาบันการเงินแล้ว ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้อยู่อาศัยด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต่างเกิดความสงสัยต่อกลุ่มผู้อยู่อาศัยว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงอย่างไร หากซื้อโปรเจกต์ที่ร่วมทุนกับต่างชาติ


ดีเวลลอปเปอร์ปรับตัว หันร่วมทุนต่างชาติ พัฒนาโครงการ

เมื่อภาวะการแข่งขันภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังแย่งชิงยอดขายกันค่อนข้างสูง สืบเนื่องจากระดับซัพพลายสูงกว่าดีมานด์ เหตุนี้เองหลายผู้ประกอบการจึงต่างพากันหากลยุทธ์ใหม่ๆ ทางการตลาด ทั้งการปรับรูปแบบโครงสร้างที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับไทยแลนด์ยุค 4.0 โดยเปิดศึกเทรนด์ Prop Tech เอาใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบเทคโนโลยีความทันสมัย ซึ่งดูเหมือนภายหลังจากผู้ประกอบการหลายรายได้ประกาศแผนดังกล่าวในครึ่งปีแรก ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่ง แสนสิริ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ เอพี

แม้จะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยคนรุ่นใหม่หรือวัยทำงานค่อนข้างมาก แต่ถึงกระนั้นยังต้องพัฒนาโปรดักส์ของตนเองไปพร้อมๆ กับความน่าเชื่อถือในฐานธุรกิจภาคอสังหาฯ ที่ยังไปต่อได้ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง เหตุนี้เองกลุ่มนักลงทุน ดีเวลลอปเปอร์ต่างชาติ จึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะทางฝั่งญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง หรือสิงคโปร์

ทั้งนี้การร่วมทุนกับต่างชาติในการพัฒนาโครงการ นอกจากจะเป็นการกระจายต้นทุน ที่นับวันขยับเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยการปรับราคาที่ดินในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงการรับมือต้นทุนของการก่อสร้างที่ปี 61 นี้หลายภาคส่วนต้องรับภาระจากมาตรการการจ้างแรงงานต่างด้าวที่เข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงในการพัฒนาแต่ละโปรเจกต์ ประกอบกับยังสามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ของแต่ละประเทศมาประยุกต์ใช้กับโครงการต่างๆ ในไทย

ไขข้อสงสัย ร่วมทุนกับต่างชาติ แล้วผู้บริโภคได้อะไร?ผู้ประกอบการร่วมทุน แล้วผู้บริโภคอย่างเราได้อะไร?หลังจากที่มีการวิเคราะห์โปรเจกต์ที่มีการจับมือกับดีเวลลอปเปอร์ต่างชาติ ในแง่สิ่งที่ผู้อยู่อาศัยจะได้รับดังนี้

จับตามอง อสังหาฯ ร่วมทุนกับต่างชาติ ผู้บริโภคได้อะไร



ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศจับมือกับโนมุระ เรียลเอสเตท

นวัตกรรมความทันสมัยของการดีไซน์ที่อยู่อาศัย เหมือนดังเช่นดีเวลลอปเปอร์ที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาตลาดคอนโดมิเนียม โดยมีการเติบโตรวดเร็วอย่าง ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยเมื่อช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ประกาศจับมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง โนมุระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ พร้อมให้ถือหุ้นของบริษัท 45% ทั้งนี้โนมุระมีผลงานการพัฒนาเมกะโปรเจกต์มากมายไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ด้านการส่งออก ทั้งนี้การจับมือครั้งนี้แน่นอนว่าออริจิ้น สามารถรุดหน้าพัฒนาโปรเจกต์ในอนาคตอย่างเต็มที่ ส่วนด้านของผู้อยู่อาศัยจะได้สัมผัสนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

จับตามอง อสังหาฯ ร่วมทุนกับต่างชาติ ผู้บริโภคได้อะไร



เอพี ร่วมทุนกับดีเวลลอปเปอร์ญี่ปุ่นอย่าง มิตซูบิซิ เอสเตรท กรุ๊ป พัฒนาโครงการ Life One Wireless


ความล้ำสมัยของที่อยู่อาศัยในยุค 4.0 โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวก เห็นได้ชัดในกรณีฝั่งดีเวลลอปเปอร์อย่าง เอพี ได้ร่วมทุนกับดีเวลลอปเปอร์ญี่ปุ่นอย่าง มิตซูบิซิ เอสเตรท กรุ๊ป ร่วมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองกรุงฯ มากมายมาหลายโครงการ ล่าสุดพัฒนามาแล้ว 9 โครงการ ทั้งนี้เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มิตซูบิซิ เอสเตท ยังได้นำจุดเด่นของอสังหาฯ อย่างเทคโนโลยีมาใช้การใช้ออกแบบโครงการภายใต้แบรนด์ Life ล่าสุดใช้กับโครงการที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง Life ลาดพร้าว และ Life One Wireless ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสการเชื่อมต่อชีวิตในยุคดิจิตัลของคนเมืองอย่างแท้จริง โดยคำนึงถึงแนวคิดให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเลือก ควบคุมที่อยู่อาศัยที่ต้องการได้ด้วยตนเอง ผ่านการใช้แอพพลิเคชันบนมือถือ ทำให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสได้ถึงความล้ำสมัย และสะดวกสบายในยุคที่คนเมืองเร่งรีบอยู่เช่นนี้

จากกรณีตัวอย่างดีเวลลอปเปอร์ที่ร่วมทุนกับต่างชาติอย่างญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการอย่างเต็มรูปแบบนั้น แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้อยู่อาศัยจะได้รับนอกจากความทันสมัยของโครงการ ที่ประหนึ่งเหมือนหลุดไปโลกอนาคตแล้ว ยังได้ความเชื่อมั่นต่อผู้ประกอบการในการพัฒนาโครงการให้ตลอดรอดฝั่งในยามยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองเข่นนี้

จับตาเทรนด์ Joint Venture ในอนาคต

ในอนาคตข้างหน้า โดยเฉพาะช่วงปี 61-62 อาจจะได้เห็นการร่วมทุนกับบ่ริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ (Joint Venture) มากขึ้น อาจเป็นเพราะผู้ประกอบการต่างชาติส่วนใหญ่ที่มาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน หรือ สิงคโปร์ ต่างกำลังประสบแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศของตนยังไม่ส่อแววทิศทางด้านบวก เหตุนี้เองจึงจำเป็นต้องหาแหล่งลงทุนใหม่ โดยหันมามองประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านสาธารณูปโภค คมนาคมขนส่ง (Infrastructure) อย่างไทย โดยบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาร่วมพัฒนาภาคธุรกิจอสังหาฯ ในไทย ต่างมีการศึกษาความเคลื่อนไหวตลาดอสังหาฯ ไทยมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่เติบโตเร็วแต่ถือว่าสามารถปรับตัวในการลงทุนได้ดี

โดยมักนำเสนอกลยุทธ์ใหม่ๆ มาใช้ในการแข่งขันกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ในปี 60 จึงเริ่มเห็นดีเวลลอปเปอร์หลายรายหันมาร่วมทุนกับต่างชาติ เฉกเช่นเดียวกับเสนา ดีเวลลอปเมนท์ ที่โดดเด่นกับการสร้างโครงการที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงาน ด้วยนวัตกรรมโซลาร์เซลล์ ทั้งนี้ภายหลังจากจับมือกับ พันธมิตรร่วมทุนประเทศญี่ปุ่นอย่าง กลุ่มฮันคิว เรียลตี้ ก็ทำให้แนวโน้มการเติบโตบริษัทเป็นไปในลักษณะก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตามเทรนด์การร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์กับต่างชาติ ของเหล่าผู้ประกอบการในไทย อาจจะต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการปรับรูปแบบกลยุทธ์การออกแบบ การตลาด ที่อยู่อาศัยให้มีความทันสมัย หรืออะไรใหม่ๆ ต่อไป ทั้งนี้แน่นอนกว่าในด้านผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการลงทุนโครงการต่างๆ ในขณะที่กลุ่มผู้บริโภค ผู้อยู่อาศัย จะได้ผลพลอยได้ในการสัมผัสนวัตกรรมใหม่ๆ ของรูปแบบที่อยู่อาศัยให้เทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วต่อไป

เรื่องข้างต้นเขียนโดย อารยา ศิริพยัคฆ์ Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com
บทความข้างต้นเผยแพร่ครั้งแรกที่ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์ ที่รวบรวม ข่าวอสังหาฯ คู่มือซื้อขาย และ รีวิวโครงการใหม่ ไว้กว่า 10,000 บทความ

logoline