svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เกาหลีเหนือขู่ยิงนิวเคลียร์ มีเป้าที่ฐานทัพสหรัฐในเกาะกวม

09 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไฟและความโกรธ "Fire & Furry" ของทรัมป์ที่กร้าวใส่เกาหลีเหนือผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อวันอังคารทึ่ผ่านมา บ่งบอกชัยชนะของทรัมป์หรือไม่? หรือจะกลายเป็นต้นทุนที่ทรัมป์ต้องจ่ายแพงขึ้น หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงทางการเกาหลีเหนือก็ออกมาตอบโต้ทันควันว่า สหรัฐจะต้องเจอกับการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์อีกเป็นครั้งที่สี่ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายจะยิงไปให้ไกลถึงเกาะกวมซึ่งเป็นฐานทัพยุทธศาสตร์ของสหรัฐในแถบเอเชีย-แปซิฟิก

โดยเฉพาะคำถามที่เกิดขึ้นจากการที่ทรัมพ์ยั่วยุเกาหลีเหนือด้วยข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า เกาหลีเหนือต้องเจอกับไฟนรกและเพลิงแค้นของสหรัฐนั้น เป็นการท้าทายเกาหลีเหนืออย่างมากที่เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น

นอกจากนี้ มีรายงานขนาด 500 หน้าของฝ่ายความมั่นคงญี่ปุ่นระบุว่า การพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีมากขึ้นไปจนถึงสามารถครอบครองหัวนิวเคลียร์ขนาดเล็กจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของวอชิงตันโพสต์ชี้ว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วนที่สามารถบรรจุในขีปนาวุธได้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการอ้างแหล่งข่าวจากรายงานของสำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐที่จัดทำขี้นมาในเดือนกรกฎาคม


1.ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กร้าวใส่เกาหลีเหนือส่งผ่านทางทวิตเตอร์ด้วยข้อความที่ส่า "Fire and Furry" บ่งบอกอารมณ์ที่เป็นไฟและความโกรธ เมื่อวันอังคารทึ่ผ่านมา เสมือนหนึ่งว่า ทรัมพ์กำลังยั่วยุเกาหลีเหนือด้วยข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า เกาหลีเหนือต้องเจอกับไฟนรกและเพลิงแค้นของสหรัฐนั้น กำลังเป็นที่คับข้องใจว่าจะถือเป็นชัยชนะของทรัมป์หรือไม่? หรือว่าจะกลายเป็นต้นทุนที่ทรัมป์ต้องจ่ายแพงขึ้น
พร้อมกันนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ทวีตข้อความพอใจผู้นำโลกรวมตัวให้ความสนใจต่อภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ หลังจากที่ประสบความล้มเหลวเป็นเวลาหลายปี ขณะนี้หลายประเทศก็ได้ร่วมกันหาทางขจัดภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ "เราจะต้องเข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยว"
หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีมติเป็นเอกฉันท์ 15 ต่อ 0 ดำเนินการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือเมื่อวันเสาร์ ให้ตัดลดการส่งออกถ่านหิน และสินค้าอื่นๆ ที่เป็นรายได้ของเกาหลีเหนือลง 1 ใน 3 จากมูลค่าส่งออกรวม 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทำการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ถึง 2 ครั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา


2.แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงในช่วงเช้าวันพุธ ทางการเกาหลีเหนือก็ออกมาตอบโต้ทันควันต่อการการยั่งยุของทรัมป์ว่า สหรัฐจะต้องเจอกับการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์อีกเป็นครั้งที่สี่ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายจะยิงไปให้ไกลถึงเกาะกวมซึ่งเป็นฐานทัพยุทธศาสตร์ของสหรัฐในแถบเอเชีย-แปซิฟิก
โดยขณะที่โฆษกรัฐบาลของเกาหลีเหนือระบุว่า ทางการเกาหลีเหนือกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีปครั้งใหม่ซึ่งเป็นครั้งที่สี่ หลังจากที่ทำการยิงไปแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ โดยครั้งล่าสุดที่ยิงออกไปเมื่อเร็วๆ นี้ มีเป้าหมายที่ Vandenberg ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศของสหรัฐในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งที่ผ่านมาเป็นการพบกับความสำเร็จโดยที่มีผู้นำคิม จองอึน เป็นผู้สั่งการด้วยตัวเอง
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ ระบุว่า เกาหลีเหนือไม่ต้องการที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีประเทศใด นอกจากสหรัฐ แต่เราจะโจมตีประเทศอื่นด้วย หากเข้าร่วมกับสหรัฐในการคิดร้ายต่อเกาหลีเหนือ พร้อมกับย้ำว่า ประเด็นอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีได้ถูกสร้างเรื่อง และทำให้บานปลายในขณะนี้โดยฝีมือของสหรัฐ


3.นอกจากนี้ มีรายงานขนาด 500 หน้าของฝ่ายความมั่นคงญี่ปุ่นระบุว่า การพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีมากขึ้นไปจนถึงสามารถครอบครองหัวนิวเคลียร์ขนาดเล็กจำนวนหนึ่งแล้ว โดยของรายงานนี้ ได้ส่วผลให้ผู้นำญี่ปุ่นออกมาชื่นชมกับผู้นำสหรัฐที่ผลักดันมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อเกาหลีเหนือออกมาได้ในการประชุมจอง UNSC เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ทำให้เกิดปฏิกริยาจากเกาหลีเหนือส่งคำเตือนไปที่ญี่ปุ่นไม่ให้เลียนแบบสหรัฐในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการแก้ไขข้อพิพาท เนื่องจากเป็นวันใกล้วันครบรอบปีที่ 72 ของการที่สหรัฐใช้ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มญี่ปุ่นเพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำให้ชาวญี่ปุ่น และชาวโลกได้จดจำอย่างชัดเจนถึงหายนะจากการที่สหรัฐทิ้งระเบิดอะตอมที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ จนมีผู้เสียชีวิตหลายแสนคน และทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้สงครามในวันที่ 15 สิงหาคม 1945
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้กล่าวหาญี่ปุ่นว่าทำตัวเหมือนผู้รับใช้สหรัฐ ซึ่งญี่ปุ่นจะไม่ได้รับโอกาสที่ดี หากสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือมีความตึงเครียดโดยมาจากกระทำของสหรัฐ


4.สอดคล้องกับรายงานของวอชิงตันโพสต์ชี้ว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วนที่สามารถบรรจุในขีปนาวุธได้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการอ้างแหล่งข่าวจากรายงานของสำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐที่จัดทำขี้นมาในเดือนกรกฎาคมที่ระบุว่า "หน่วยข่าวกรองประเมินว่าเกาหลีเหนือสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์สำหรับติดตั้งกับขีปนาวุธ รวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ได้แล้ว"
รายงานข่าวยังระบุว่าได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐ 2 นายถึงความคืบหน้าของการจัดทำรายงานฉบับดังกล่าวนี้ว่า เป็นสัญญาณที่ชี้ว่าเกาหลีเหนือได้ก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญสู่การเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์อย่างเต็มตัวแล้ว


5.ท่ามกลางไฟและความโกรธของทรัมป์ที่ท้าทายเกาหลีเหนือ อาจจะไม่ได้เป็นการแสดงที่เป็นชัยชนะแต่อย่างใด เมื่อโพลล์สำรวจล่าสุดของ CNN ชี้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงไม่ยอมรับนโยบายของประธานาธืบดีทรัมป์ โดยที่คะแนนความไว้วางใจลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ มีผู้ให้การบอมรับผลงานอยู่เพียง 38% ขณะที่จำนวนผู้ที่ไม่ยอมรับในผลงานของนายทรัมป์อยู่ที่ 56%
ส่วนทางด้านของความเชื่อมั่นนั้น ชาวอเมริกันที่ตอบแบบสำรวจ 60% ระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์ขาดความน่าเชื่อถือ และ 67% ระบุว่าพวกเขาไม่ยอมรับในตัวทรัมป์ เกี่ยวกับเรื่องนโยบาย จำนวน 62% บอกว่า พวกเขาไม่พอใจกับการจัดการด้านกฎหมายประกันสุขภาพ ขณะที่ 55% ไม่พอใจในนโยบายผู้อพยพ และ 61% ไม่พอใจในนโยบายด้านการต่างประเทศ
โดยที่มีเพียงนโยบายด้านความมั่นคงที่ได้รับกระแสตอบรับ โดยที่มีคนอเมริกันยอมรับในนโยบายความมั่นคงของประธานาธิบดีทรัมป์ 48% ขณะที่มีผู้ไม่ยอมรับ 47%
ทั้งนี้ คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์มีการยอมรับ 44% ไม่ยอมรับ 53% เดือนมีนาคมให้การยอมรับ 45% ไม่ยอมรับ 52% เดือนเมษายนให้การยอมรับ 44% ไม่ยอมรับ 54% และล่าสุดในเดือนสิงหาคม คนอเมริกันให่การบิมรับ 38% และไม่ยอมรับ 56%




logoline