svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

Bitcoin ดีดตัวพุ่งขึ้นทำนิวไฮอีก ที่ 3,400 ดอลลาร์

08 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Bitcoin ดีดตัวพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกที่ 3,400 ดอลลาร์ในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิตัลเมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความสงสัยว่าเป็นเกมลวงตาของเทรดเดอร์ในการโหมเก็งกำไร หลังจากมีการนำเสนอ Bitcoin Cash เข้าสู่ระบบการซื้อขายใหม่ในตลาดเมื่อต้นเดือนสิงหาคม โดยหวังให้ราคา Bitcoin มีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากตลาดเกิดตื่นกลัวว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ Bitcoin จึงพากันเทขายอย่างหนักเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมจนราคาร่วงลงต่ำสุดที่ 1,850 ดอลลาร์

ขณะที่ดาวโจนส์ยังคงปรับตัวทำนิวไฮต่อเนื่องช่วง 10 วันทำการซื้อขายพุ่งขึ้นมากกว่า 600 จุดมาปิดที่ระดับ 22,118 ในวันจันทร์ สวนทางวอลุ่มซื้อขายที่ซบเซามากที่สุดอีกวันหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2001 เหตุนักลงทุนเชื่อว่าตลาดหุ้นนั้นปลอดภัยกว่าตลาดค้าเงิน เนื่องจากดอลลาร์ที่ร่วงอ่อนค่าลง โดยที่ Dollar Index ปรับตัวลดลงที่ 93.37 หลังลงไปแตะต่ำสุดครั้งล่าสุดที่ 92.89 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา

ด้านธนาคารกลางจีนเผยฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับ 3.081 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนมิถุนายน แต่จากการวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ชี้ว่าทุนสำรองของจีนมีการปรับตัวลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องมาจากการที่มีเงินไหลออกไปในส่วนของบัญชีเงินทุนบริการ เนื่องจากชาวจีนมีการเดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้น หลังงจากที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 3.3% ตั้งแต่ต้นปีนี้

1.หลังจากที่มีความพยายามปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในระบบการซื้อขายสกุลเงินดิจิตัล หรือ Cryptocurrency ที่มีความชัดเจนมากขึ้น โดยมีการนำเสนอ Bitcoin Cash เข้าสู่ระบบการซื้อขายที่เป็นแบบฟอร์มใหม่ในตลาดที่เรียกว่า SegWit2x เมื่อต้นเดือนสิงหาคม เพื่อสกัดกั้นพฤติกรรมในการสร้างราคา หรือ Manipulation ส่งผลให้ Bitcoin ดีดตัวพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกที่ 3,423 ดอลลาร์ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังสงสัยว่าเป็นเกมลวงตาของเทรดเดอร์ในการโหมเก็งกำไรเพื่อให้เกิดการผลักดันราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตลาดเกิดตื่นกลัวว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ Bitcoin หลังจากราคาที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบปีที่ผ่นมา จึงพากันเทขายอย่างหนักเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมจนราคาร่วงลงต่ำสุดที่ 1,850 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นที่ระดับ 3,423 ดอลลาร์รอบนี้ นับเป็นนิวไฮที่สร้างสถิติเพิ่มขึ้นถึง 50% ในช่วงเวลาเพียง 1 เดือน นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มขึ้น 200% ในช่วง 6 เดือน รวมทั้งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 30,000% ในช่วง 5 ปีซึ่งเป็นช่วงที่ Bitcoin เริ่มมีบทบาทในตลาดการเงินโลกในปี 2013 โดยที่ยังคงไม่มีคำตอบว่า ทำไม Bitcoin จึงมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดมีการเก็งกำไร Bitcoin ล่วงหน้าไปที่ราคา 5,000 ดอลลาร์ในปี 2018 และปัขัวขึ้นที่ 50,000 ดอลลาร์ในระยะอีก 10 ปีข้างหน้า

2.ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น โดยที่ดาวโจนส์ยังคงปรับตัวทำนิวไฮต่อเนื่องช่วง 10 วันทำการซื้อขายพุ่งขึ้นมากกว่า 600 จุดมาปิดที่ระดับ 22,118 ในวันจันทร์ ซึ่งสวนทางวอลุ่มซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซามากที่สุดอีกวันหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2001 เหตุนักลงทุนเชื่อว่าตลาดหุ้นมีความปลอดภัยกว่าตลาดค้าเงินเนื่องดอลลาร์ร่วงอ่อนค่าลงจากปัจจัยความไม่แน่นอน
โดยที่ Dollar Index ลดลงที่ 93.37 หลังลงไปแตะต่ำสุดครั้งล่าสุดที่ 92.89 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตลาดยังคงจับตาที่การประชุมประจำปีของธนาคารกลาสหรัฐ (เฟด) ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งจะมีธนาคากลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางอังกฤษ เข้าร่วมประชุมสัมมานาเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อ ภาวะการจ้างงาน ภาวะตลาดการเงิน
รวมทั้งการหารือในแนวนโยบายในอนาคตของธนาคารกลางขนาดใหญ่ดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วงที่เฟดกำลังจะดำเนินการลดภาระอัดฉีดเงิน QE ในงบดุลที่มีอยู่ถึง 4.5 ล้าน้านดอลลาร์ เพื่อเข้าสู่การดำเนินนโยบายการเงินที่เป็น Normalization ขณะที่ธนาคารกลางใหญ่ทั้ง 4 แห่งมีการอัดฉีดเงินผ่าน QE รวมกันมากกว่า 19 ล้านล้านดอลลาร์ในขณะนี้


3.ธนาคารกลางจีนเปิดเผยฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับ 3.081 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากตัวเลข ณ สิ้นเดือนมิถุนายน แต่จากการวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ชี้ว่าหากพืจารณาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน ทุนสำรองของจีนควรจะเพิ่มชึ้น 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อมีมีการ mark to market ตามค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น 3.3% เทียบเงินดอลลาร์ตั้งแต่ต้นปี 2017
โดยที่โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า ทุนสำรองของจีนที่ลดลงไป 1 หมื่นล้านดอลลาร์ มาจากการที่มีเงินไหลออกไปในส่วนของบัญชีเงินทุนบริการ เนื่องจากชาวจีนมีการเดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ หรือ Outbound Tourisn เพิ่มจำนวนมากขึ้นในเดือนมิถุนายนถึง 47% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ เงินทุนสำรองของจีนยังคงลดลงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ จากที่มีเงินทุนไหลออกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับจากกลางปี 2014 ซึ่งจีนมีฐานะเงินทุนสำรองสูงสุดถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์

4.Emmanuel Macron ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเริ่มเผชิญกับปัญหาอุปสรรคในการบริหารประเทศ หลังจากที่คะแนนรวามนิยมจากชาวฝรั่งเศสในเดือนสืงหาคมลดลงฮวบฮาบอีก 7% มาอยู่ที่ระดับเพียง 36% ต่ำสุดนับแต่สมัยประธานาธิบดีฌัก ชีราค เนื่องจากประชาชนไม่พอใจในนโยบายบริหารประเทศที่รัดเข็มขัด รวมทั้งการตัดลดเงินช่วยเหลือที่อุดหนุนต่อคนจน

โดยคะแนนมนิยมที่ลดลงนี้ เกิดขึ้ต่อเนื่องจากโพลล์สำรวจความคิดเห็นประชาชนฝรั่งเศสจัดทำโดย Ifop ในเดือนกรกฎาคม ที่ชี้ว่าคะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดี Emmanuel Macron ร่วงลงถึง 10%
นอกจากนี้ Emmanuel Macron ยังทำการตัดลบงบประมาณด้านกลาโหมจำนวน 850 ล้านยูโรทำให้เกิดความขัดแย้งกับกระทรวงกลาโหม ถึงแม้มีการชี้แจงว่า การประหยัดรายจ่ายทางการทหารดังกล่าวนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (อียู) ที่ต้องการให้ประเทศสมาชิกควบคุมการขาดดุลงบประมาณไว้ที่ระดับไม่เกิน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ก็ตาม

5.UBS ของสวิตเซอร์แลนด์มีรายงานในบทวิเคราะห์ชี้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกนับคั้งแต่ปี 2015 นั้น ประเทศกำลังพัฒนาในตลาดเกิดใหม่ หรือ EM (Emerging Market) มีบทบาทที่ไปได้ดีโดยเข้ามาช่วยประคับประคองเศรษฐกิจโลกด้วยน่ำหนัก 75% ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกมีการขับเคลื่อนไปได้ ขณะที่มาจากบทบาทของประเทศขนาดใหญ่ที่พัฒนาแล้ว หรือ DM (Development Market) ที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 25%
โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มประเทศ EM มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกขณะนี้ มาจากการที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้นราว 21% โดยเป็นสัดส่วนของปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น 17.5% ส่วนที่เป็นผลจากราคาที่เพิ่มขึ้นเพียง 3.5%
อย่างไรก็ตาม UBS สรุปว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตไปได้ดีและสามารถฟื้นตัวได้มากกว่านี้หรือไม่ ยังคงต้องจับตาที่กลุ่มประเทศ DM ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งครอบครองสัดส่วนของจีดีพีโลกโดยรวมถึง 80% ต่อไป






logoline