svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เฟดลังเลปรับขี้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีหลัง แต่ส่งสัญญาณพร้อมปรับลดงบดุล ก.ย.นี้

27 กรกฎาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เฟดลังเลที่จะปรับขี้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในช่วงครึ่งหลังปีนี้ แต่ส่งสัญญาณพร้อมปรับลดงบดุล 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนนี้ แม้จะเริ่มกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหนัฐ ภายหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุม 2 วันเมื่อวันที่ 24-25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งทำสถิตินิวไฮ สวนทางดัชนีค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงอีก

แถลงการณ์ระบุถึงการปรับตัวของเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายโดยที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ยังคงมีความสมดุล จากเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในปีนี้ ตลาดแรงงานมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งโดยอัตราการว่างงานลดลง และอัตราเงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าระดับ 2% ตามเป้าหมาย
ขณะที่ความพยายามในการปลุกกระแส Bitcoin ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลหลักของการซื้อขายเงินในแบบดิจิตัล หรือ Cryptocurrency นั้น ราคาล่าสุดปรับขึ้นมาที่ 2,533 ดอลลาร์ ท่ามกลางเสี่ยงจากการใช้มาตรการเข้ามากำกับดูแลของทางการในหลายประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต พบว่ามีการประเมิน Bitcoin มีโอกาสที่จะกลายเป็น international asset ที่ได้รับความนิยม เหมือนกระแสความนิยมใช้อินเทอร์เน็ตในยุค 1995 ซึ่งมีผู้ใช้เพียง 16 ล้านคน แต่พุ่งขึ้นเป็น 3,600 ล้านคนในปี 2016

1.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกิดความลังเลที่จะปรับขี้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในช่วงครึ่งหลังปีนี้ แต่ส่งสัญญาณพร้อมปรับลดงบดุลทันทีในเดือนกันยายนนี้ ภายหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุม 2 วันเมื่อวันที่ 24-25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยที่การประชุมครั้งหน้าจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 19-20 กันยายน
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุมเฟดได้ระบุว่า ทางคณะกรรมการคาดหวังว่าจะเริ่มทำการปรับงบดุลเข้าสู่ภาวะปกติในไม่ช้านี้ เป็นการปรับเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยใช้คำว่า ในปีนี้จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลงสู่ระดับเป่หมายที่ 2-2.5 ล้านล้านดอลลาร์
จะส่งผลให้เฟดลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ที่เฟดได้เข้าซื้อในตลาดช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินสหรัฐในปี 2008-2009 โดยที่การประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน เฟดได้เปิดเผยแผนการลดงบดุลนี้ เป็นมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะเพิ่มวงเงินการลดงบดุลเป็น 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส โดยขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้

2.ขณะเดียวกันแถลงการณ์เฟดระบุถึงการปรับตัวของเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เนื่องจากความเสี่ยงในระยะใกล้ยังคงมีความสมดุล เนื่องจากเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในปีนี้ ทั้งนี้ ตลาดมีการคาดการณ์ว่าจีดีพีสหรัฐจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ที่ 2.5% สูงขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกเติบโตเพียง 1.4%
ส่วนตลาดแรงงานมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งโดยอัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ระดับ 4.4% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ 4.6% และอัตราเงินเฟ้อในระยะใกล้อยู่ที่ 1.4% ยังคงต่ำกว่าระดับ 2% ตามเป้าที่วางไว้

3.ท่ามกลางคำเตือนของเฟดตั้งแต่ต้นปี เกี่ยวกับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นถึงเวลาที่จะต้อง punchbowl away ที่จะต้องยุติความสนุกสนานจากที่ราคาหุ้นมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่แถลงการณ์เฟดหลังการประชุมเมื่อวานนี้ ระบุถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย กลับส่งผลให้นักลงทุนเมินต่อคำเตือนที่มีมาก่อนหน้านี้
โดยที่ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาพุ่งทำนิวไฮอีก ทั้งดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธที่ 21,711 เพิ่มขึ้น 97.58 จุด หรือ 0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477 เพิ่มขึ้น 0.03% และ Nasdaq ปิดที่ 6,422 เพิ่มขึ้น 0.16% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ
โดยบริษัทโบอิ้งเปิดเผยผลกำไร 2.55 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.30 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้ราคาหุ้นโบอิ้งปิดตลาดพุ่งขึ้นเกือบ 10% ยังมีรายงานของบริษัทโคคา โคล่า ชี้ว่ามีกำไรที่ 59 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาส 2 สูงกว่าคาดการณ์หี่ 57 เซนต์ต่อหุ้น โดยที่มีรายได้ 9.702 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 9.652 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นโคคา โคล่า ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 1.1% รวมทั้งบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ รายงานว่ามีกำไร 56 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาส 2 สูงกว่าคาดการณ์ที่ 43 เซนต์ต่อหุ้น โดยมีรายได้ 3.99 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 3.71 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ราคาหุ้น ปิดตลาดอ่อนตัวลง 1.9%

4.ส่วนทิศทางเงินดอลลาร์ร่วงลงสวนทางตลาดหุ้น โดย Dollar Index ของบลูมเบิร์กในตลาดสปอตอยู่ที่ 93.67 ขณะที่ WSJ Dollar Index เมื่อเทียบกับ 16 สกุลอื่นๆ ร่วงลง 0.6% ที่ 86.17 โดยเทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 110.90 เยนต่อดอลลาร์ และเทียบกับเงินยูโรที่ 1.1745 ดอลลาร์ นับเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 30 เดือนของเงินยูโร นอกจากนี้ ถึงแม้จะมีปัจจัยความไม่แน่นอนของ Brexit แต่ดอลลาร์ยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบเงินปอนด์มาอยู่ที่ 1.3131 ดอลลาร์
แม้แต่เงินหยวนที่แข็งค่ามากขึ้นแตะ 6.7395 ต่อดอลลาร์ เป็นการแข็งค่าขึ้น 3.22% จากระดับ 6.9640 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงต้นปีนี้ สำหรับเงินบาทนั้น ก็มีแนวโน้มที่แข็งค่ามากขี้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์มาอยู่ที่ระดับ 33.32 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ เป็นการแข็งค่ามากกว่า 7% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งกำลังเป็นที่จับตาของธนาคารแห่งประเทศไทยที่มองว่าเงินบาทกำลังแขฌงค่ามากเกินไป
ขณะที่ราคาทองกลับมาพุ่งขึ้น 0.8% ที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายะ 10 ปีปรับตัวลดลง 0.05% ที่ 2.25%

5.สำหรับความพยายามในการปลุกกระแส Bitcoin ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลหลักของการซื้อขายเงินในแบบดิจิตัล หรือ Cryptocurrency นั้น ราคาล่าสุดปรับขึ้นมาที่ 2,533 ดอลลาร์ ท่ามกลางเสี่ยงจากการใช้มาตรการเข้ามากำกับดูแลของทางการในหลายประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต
ทำให้มีการประเมินว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะกลายเป็น international asset ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนในตลาดมากขึ้น โดยล่าสุดมีการนำไปเปรัยบเทีบกับกระแสความนิยมในการใช้อินเทอร์เน็ตในยุค 1995 ซึ่งในขณะนั้นมีผู้ใช้เพียง 16 ล้านคน แต่พุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวถึง 36 ล้านคนในปี 1996 จนกระทั่งถึงปี 2016 มีผู้ใช้มากกว่า 3,600 ล้านคน
ในขณะที่ Bitcoin เริ่มแพร่หลายเมื่อปี 2009 จากผู้ลงทุน 15 ล้านคน ได้เพิ่มขึ้นเป๋น 35 ล้านคน โดยมีทิศทางคล้ายกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในอนาคต ที่สะท้อนผ่านจากการเคลื่อนไหวของราคะหว่าง 250-500 ดอลลาร์ก่อนปี 2016 พุ่งทะลุเหนือ 1,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2017 จนกระทั่งขึ้นไปพีคที่ 3,000 ดอลลาร์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ต่อมาร่วงลงต่ำที่ 1,756 ดอลลาร์ และปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์ขณะนี้
นอกจากนี้ พบว่า ร้านค้ากว่า 260,000 แห่งในญี่ปุ่นได้ยอมรับให้มีการชำระเงินด้วย Bitcoin เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่ปรากฎว่ามีรายงานการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการสำหรับการซื้อขาย Bitcoin ที่ชัดเจน

logoline