svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เจเน็ต เยลเลน ระบุ จะไม่เห็นวิกฤตการณ์ทางการเงินเกิดขึ้นซ้ำอีกในช่วงอายุของเธอ

28 มิถุนายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดยืนยันจะไม่เห็นวิกฤตการณ์ทางการเงินเกิดขึ้นซ้ำอีกในช่วงอายุของเธอ ขณะที่เธอมีอายุ 70 ปีในขณะนี้ จากคำพูดที่ย้ำว่า "I Don't Believe We Will See Another Crisis In Our Lifetime" แต่เธอกล่าวว่าจะไม่ทำนายว่าเโลกนี้จะไม่ถูกกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินอีกต่อไป ทั้งนี้เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ที่ British Academy ที่กรุงลอนดอนในวันอังคาร ถึงการปฏิรูปด้านการธนาคาร ได้ช่วยทำให้ระบบการเงินมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งประเทศต่างๆ จะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008

ท่ามกลางเหตุโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ 300 ดอลลาร์บิทคอยน์ตัวใหม่ชื่อ Petya ที่ตามเล่นงานคอมพิวเตอร์ทั่วโลกล่าสุดในวันอังคาร โดยเริ่มจากเซิร์ฟเวอร์ของ Rosneft บริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ก่อนลุกลามสู่ยูเครน-โปแลนด์ และประเทศอื่นๆ ในยุโรป

เซอร์ไพรส์วันก่อนเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีที่ฮ่องกงกลับสู่อ้อมอกของจีนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เกิดสัญญาณ Domino Effect กับ 17 หุ้น Microcaps ของฮ่องกงมูลค่ารวมกันกว่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลราคาดิ่งลง 40-90% ท่ามกลางการถูกเรียก Margin Call ขณะที่ BofA ชี้อาจเป็นววงจรอุบาทว์หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนถูกถล่มขายอย่างรุนแรงช่วงกลางปี 2015 สาเหตุจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนมีการก่อหนี้อย่างรววดเร็วจนเกิดภาวะความเสี่ยงสูง และกำลังถูกเข้มงวดให้ต้องเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นฮ่องกง
Goldman Sachs และ Citigroup ชี้ว่าทิศทางราคาทองเป็นบวกมากขึ้น มีการดีดตัวกลับดีขึ้นทะลุ 1,252 ดอลลาร์ในวันอังคาร หลังร่วงลง 18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่ 1 นาทีจากแรงทุบขายมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ หรือเป็นปริมาณราว 1.8 ล้านออนซ์ จนราคาร่วงลงที่ 1,238 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะขาดทุน 0.9% ในช่วงเวลาเพียง 1 วัน ทั้งนี้การลงทุนในทองคำยังคงให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 6.75% นับตั้งแต่ต้นปีมานี้

1.เจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันอังคารที่ British Academy ที่กรุงลอนดอนถึงการปฏิรูปด้านการธนาคารได้ช่วยทำให้ระบบการเงินมีความปลอดภัยมากขึ้น และประเทศต่างๆ จะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008
ประธานเฟดยืนยันจะไม่เห็นวิกฤตการณ์ทางการเงินเกิดขึ้นซ้ำอีกในช่วงอายุของเธอ ขณะที่เธอมีอายุ 70 ปีในขณะนี้ จากคำพูดที่ย้ำว่า "I Don't Believe We Will See Another Crisis In Our Lifetime" แต่เธอจะไม่ทำนายว่าโลกนี้จะไม่ถูกกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินอีกต่อไป
เจเน็ต เยลเลน กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2008 ได้ช่วยให้ระบบการเงินมีความปลอดภัยและมั่นคงมากขึ้น ขณะที่ผู้กำกับภาคธนาคารทำหน้าที่ดีขึ้นในการค้นหาความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด ในการที่จะลดภาระการอัดฉีดเงิน QE เดือนละ 1 หมื่นล้านดอลลาร์จนถึงเดือนละ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในงบดุลของเฟดที่ประกาศหลังจากการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 มิถุนายน ซึ่งคาดว่าเฟดจะดำเนินการในเดือนกันยายนนี้ โดยตั้งเป้าหมายลดเม็ดเงิน QE ที่คงค้างอยู่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ให้เหลือ 2-2.5 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยมา 3 ครั้งมาอยู่ที่ 1.25% กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ๋อย่างหนักจากตลาด ถึงผลกระทบที่ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐต้องเปชิญหน้ากับปัจจัยลบมากขึ้น ทั้งที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2%
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ CIOs (Chief Investment Officers) ของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในสหรัฐหลายแห่งเชื่อว่าตลาดหุ้นและบอนด์จะเจอวิกฤติจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในระยะ 8-9 เดือนข้างหน้า หรือในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2018

2.เกิดสัญญาณ Domino Effect กับ 17 หุ้น Microcaps ของฮ่องกงมูลค่ารวมกันกว่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลราคาดิ่งลง 40-90% ท่ามกลางการถูกเรียก Margin Call โดนก่อนหน้าเกิดเหตุหุ้นถูกขายถล่มทลายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ลูกจ้างในบริษัท Microcaps ดังกล่าวถูกร้องขอให้ช่วยกันซื้อหุ้นของบริษัทเพี่อประคองจากภาวะการขาดทุนของบริษัท
ขณะที่ Bank Of America (BofA) ชี้อาจเป็นววงจรอุบาทว์หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนเคยถูกถล่มขายอย่างรววดเร็วและรุนแรงช่วงกลางปี 2015 สาเหตุจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดดหุ้นมีการก่อหนี้จำนวนมากจนเกิดภาวะความเสี่ยงสูง และกำลังถูกเข้มงวดให้ต้องเพิกถอนอกจากตลาดหุ้นฮ่องกง
ทำให้นักลงทุนในตลาดเซอร์ไพรส์ เนื่องจากเกิดขึ้นในวันก่อนเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีที่ฮ่องกงกลับสู่อ้อมอกของจีนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยที่ประธานาธิบดีสิจิ้นผิง จะเดินทางเข้าร่วมในงานครั้งนี้ด้วย

3.Goldman Sachs และ Citigroup ชี้ว่าทิศทางราคาทองเป็นบวกมากขึ้น มีการดีดตัวกลับดีขึ้นทะลุ 1,252 ดอลลาร์ในวันอังคาร หลังร่วงลง 18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่ 1 นาทีจากแรงทุบขายมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ หรือเป็นปริมาณราว 1.8 ล้านออนซ์ จนราคาร่วงลงที่ 1,238 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะขาดทุน 0.9% ในช่วงเวลาเพียง 1 วัน ทั้งนี้การลงทุนในทองคำยังคงให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 6.75% นับตั้งแต่ต้นปีมานี้
การเทขายทองเป็นมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับจำนวน 50 ตันหรือ 1.8 ล้านออนซ์ในนาทีสุดท้ายก่อนปิดตลาดทองที่นิวยอร์กในวันจันทร์ ซึ่งตรงกับการปิดทำการซื้อขายในหลายตลาดซึ่งตรงกับวันหยุดของชาวมุสลิม เช่น ตุรกี สิงคโปร์ มาเลเซีย

4.ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงในวันอังคาร นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศปรับบริษัทกูเกิล อิงค์ เป็นเงิน 2.42 พันล้านยูโร ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดจากการให้บริการช็อปปิ้งในระบบออนไลน์ ส่งผลดัชนี Nasdaq ร่วงลง 1.61% หรือกว่า 100 จุดปิดที่ 6,146 จากการดิ่งลงของหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ที่ดิ่งลงกว่า 1% ถึงแม้ว่ากูเกิลระบุว่า ทางบริษัทกำลังพิจารณายื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวต่อศาลยุติธรรมแห่งยุโรป ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของยุโรป
โดยข้อกล่าวหาที่กูเกิลได้รับจากคณะกรรมาธิการยุโรป หรือ EC ซึ่งกำกับดูแลการแข่งขันในสหภาพยุโรป ระบุว่ากูเกิลได้ใช้ความได้เปรียบในการเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาข้อมูล หรือ Search Engine อย่างผิดกฎหมายต่อการให้บริการ Google Shopping ขณะที่กูเกิลชี้แจงว่า ทางบริษัทได้จัดการแสดงผลการค้นหาข้อมูลในลักษณะที่ทำให้ลูกค้ามีความสะดวกในการค้นหาสิ่งที่ต้องการ
ทั้งนี้ EC ระบุว่า กูเกิลมีเวลา 90 วันที่จะแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว มิฉะนั้นจะถูกปรับสูงถึง 5% ของรายได้เฉลี่ยต่อวันทั่วโลกของอัลฟาเบท ซึ่งวงเงินค่าปรับดังกล่าวถือว่าสูงสุด จากคดีที่ EC ได้สั่งปรับบริษัทที่ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด โดยสูงกว่าที่เคยสั่งปรับบริษัทอินเทล 1.06 พันล้านยูโรในปี 2009

5.ท่ามกลางเหตุโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ตัวใหม่ชื่อ Petya ที่ตามเล่นงานคอมพิวเตอร์ทั่วโลกล่าสุดในวันอังคาร โดยเริ่มจากเซิร์ฟเวอร์ของ Rosneft บริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ก่อนลุกลามสู่ยูเครน-โปแลนด์ และประเทศอื่นๆ ในยุโรป รวมถึงธนาคาร สนามบินในยูเครน และบริษัทขนส่งข้ามชาติอย่าง APM Terminals ที่เป็นเครือข่ายของ Maersk ที่มีการเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่าง U.S. East Coast และ Rotterdam ในเนเธอน์แลนด์ ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
ขณะที่สหรัฐสั่งจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด ส่งผลให้ทั้งดาวโจนส์ร่วงลง 98 จุดหรือ 0.46% มาอยู่ที่ 21,310 และ S&P500 ที่ลดลง 0.81% มาอยู่ที่ ขณะที่หุ้นยุโรปร่วงลงเฉลี่ย 0.7%
โดยที่แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือโจมตีมัลแวร์เรียกค่าไถ่ "วันนะคราย" (WannaCry) ที่แพร่ไวรัสสู่คอมพิวเตอร์หลายแสนเครื่องทั่วโลกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยที่ Petya มีการเรียกค่าไถ่ในราคา 300 ดอลลาร์บิทคอยน์ ซึ่งในขณะนี้มีราคาซื้อขายที่ดิ่งลง โดยคาดว่าจะลงไปที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ในระยะอันใกล้นี้

logoline