svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ความเป็นมหาอำนาจในการเป็นศูนย์กลางการเงินโลกของอังกฤษกำลังเจือจางลง

26 มิถุนายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความเป็นมหาอำนาจในการเป็นศูนย์กลางการเงินโลกของอังกฤษกำลังค่อยๆ เจือจางลง หวั่น Brexit สั่นคลอนอัตราการจ้างงานใน The City Of London ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินโลกที่มีจำนวนสูงถึง 1.1 ล้านคน ขณะที่พบว่า จำนวนธุรกรรมการเงินผ่าน Clearring House มีความเสี่ยงมอันดับต้นๆว่าอาจต้องเจอกับภาวะที่ต้องตกงาน จากที่มีการจ้างงานในขณะนี้เป็นจำนวนมากถึง 232,000 คน หากว่าธุรกรรมทางการเงินของลอนดอนลดลง


ทางด้าน BIS ธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ประเมิน 4 ปัจจัยเสี่ยงที่คุกคามต่อเศรษฐกิจโลก หรือ Global Economy ในปีนี้
จับตา Visa ธุรกิจบัตรเครดิตชั้นนำของโลก รุกสร้างระบบการชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Blockchain โดยว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญของ Ethereum ซึ่งมีบทบาทโดดเด่นในการซืั้อขาย Cryptocurrency ซึ่งมีการเทรดผ่าน Blockchain มากเป็นอันดับ 2 ของตลาดรวม และมีประสบการณ์มากกว่า 8 ปีสร้างระบบมารองรับการชำระเงินใหม่นี้
ขณะที่ McDonald ธุรกิจฟาสต์ฟูดส์เบอร์หนึ่งของสหรัฐที่มีสาขาทั่วโลก เตรียมนำหุ่นยนต์ที่เป็นเครื่องเก็บเงินอัตโนมัติคล้ายเครื่องเบิกถอนเงิน ATMs มาใช้แทนพนักงานแคชเชียร์ในร้านอาหารของ McDonald ทั่วสหรัฐ 2,500 แห่งในปีนี้แล้ว หลังจากอ้างว่าต้องจ้างพนักงานด้วยเงินค่าจ้างสูงถึง 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง

1.ความเป็นมหาอำนาจในการเป็นศูนย์กลางการเงินโลกของอังกฤษกำลังค่อยๆ เจือจางลง หลังจาก Morgan Stanley และ Nomura บริษัมค้าหลักทรัพย์ชั้นนำของโลกเตรียมลดธุรกรรมทางการเงินออกจากลอนดอน ขับเคลี่อนเข้าสู่แฟรงค์เฟิร์ตแทน เหตุจากกระบวนการ Brexit ซึ่งได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ซึ่งจะใช้เวลา 2 ปีในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ
ทั้งนี้ อัตราการจ้างงานใน The City Of London ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินโลกของอังกฤษมีจำนวนสูงถึง 1.1 ล้านคน อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะไม่ใช่เพียง Morgan Stanley และ Nomura ที่เตรียมโยกฐานธุรกิจออกจากกรึงลอนดอน ก่อนหน้านี้ทั้ง Goldman Sachs และ JPMorgan Chase เผยอยู่ระหว่างการทบทวนบบรยากาศกระบวนการเจรจาของ Brexit
ขณะที่พบว่า จำนวนธุรกรรมการเงินผ่าน Clearring House มีความเสี่ยงมมากขึ้นว่าจะส่งผลต่อการจ้างงานของพนักงานในเคลียริ่ง เฮาส์ ที่มีจำนวนถึง 232,000 คน หากว่าธุรกรรมทางการเงินของลอนดอนลดลง โดยเฉพาะการเทรดในตลาด Derivatives ซึ่งเทรดลอนดอนกว่า 1.74 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนการเทรดผ่านแฟรงค์เฟิร์ต 6.2 หมิ่นล้านดอลลาร์ และปารีสเพียง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

2.Visa ธุรกิจบัตรเครดิตชั้นนำของโลก รุกสร้างระบบการชำระเงินแบบใหม่ผ่าน Blockchain โดยว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบ Blockchain ของ Ethereum ที่มีประสบการณ์มากกว่า 8 ปีสร้างระบบการชำระเงินใหม่นี้
ทั้งนี้ Blockchain เริ่มมีการขับเคลื่ืีอนที่โดดเด่นมากขึ้นโดยเข้ามารองรับในระบบซืี้อขาย Bitcoin ซึ่งเป็น Cryptocurrency ในอีกรูปแบบหนึ่งตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา
ขณะที่ Ethereum ที่กำลังเป็นดาวเด่นในระบบซืั้อขาย Cryptocurrency ซึ่งมีการเทรดผ่าน Blockchain มากเป็นอันดับ 2 ของตลาดรวมหรือมีมาร์เก็ตแคปกว่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยที่มี JPMorgan และ Microsoft เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

3.McDonald ธุรกิจฟาสต์ฟูดส์ยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลก เตรียมนำหุ่นยนต์ที่เป็นเครื่องเก็บเงินอัตโนมัติคล้ายเครื่องเบิกถอนเงิน ATMs มาใช้แทนพนักงานแคชเชียร์ในร้านอาหารของสหรัฐ 2,500 แห่งในปีนี้แล้ว หลังจากอ้างว่าต้องจ้างพนักงานด้วยเงินค่าจ้างสูงถึง 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง
โดย McDonald มีแผนปรับเปลี่ยนภายใต้กลยุทธ์ใหม่ที่เรียกว่า New Experience Of The Future ในปี 2017 จะนำเครื่องเก็บเงินอัตโนมัติคล้ายเครื่องเบิกถอนเงิน ATMs มาใช้แทนพนักงานแคชเชียร์ในร้านอาหารของสหรัฐ 2,500 แห่ง และขยายเพิ่มขึ้นในปี 2018 อีก 3,000 แห่ง ขณะที่การสี่งออร์เดอร์ทางโมบายล์โฟนจะสามารถดำเนินการในพื้นที่ทั่วประเทศสหรัฐทั้ง 14,000 แห่งภายในปี 2017 ซึ่งคาดว่าจะช่วยยอดการขายจาก 2% ต่อปีเป็น 3% ในปี 2018 นี้

4.BIS หรือ Bank For International Settlements ธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ประเมิน 4 ปัจจัยเสี่ยงที่คุกคามต่อเศรษฐกิจโลก หรือ Global Economy ในปีนี้ โดยที่ปัจจัยแรก เนื่องจากสัญญาณการเพิ่มขึ้นอัตราเงินเฟ้อที่สั่นสะเทือนต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่มาจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ
ส่วนปัจจัยที่สอง วัฏจักรในตลาดการเงินที่ตึงเครียดมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤติทางการเงิน เนื่องจากปัจจัยที่จะทำให้ราคาสินทรัพย์ทางการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นมีแนวโน้มถดถอยและซบเซาลง
ปัจจัยที่สาม มาจากความต้องการใช้จ่ายของการบริโภคลดลง เพราะปัญหาหนี้ที่พอกพูนเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัจจัยการงทุนที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปัจจุบัน กำลังล้มเหลวเนื่องจากผลผลิตที่ลดลง
และปัจจัยสุดท้าย มาจากรโยบายการกีดกันทางการค้าที่มีมากขึ้นในหลายประเทศ กลายเป็นความท้าทายต่อความคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ๆ ที่ส่งแรงกดดันทำให้ต้องเผชิญหน้ากับภวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น

5.BIS ยังชี้ถึงรายงานของ Goldman Sachs ที่ออกบทวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เข้มงวดต่อการสกัดกั้นเงินเฟ้อในสหรัฐ กำลังเป็นสัญญาณชี้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะกำลังเจอกับภาวะถดถอยเหมือนกับช่วงสถานการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
โดยเฉพาะบรรดานักวิเราะห์ทั้งอง Citi Group, JPMorgan, Bank Of America และ Goldman Sachs ต่างพากันเร่งรัดนักลงทุนให้ถือเงินสดเป็นสำรองมากขึ้น หลังจากที่เชื่อว่านโยบายของเฟดที่ตั้งเป้าหมายในการปรับลดภาระ QE วงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 2-2.5 ล้านล้านดอลลาร์นั้น กำลังเป็นการปรับทิศทางของนโยบายการเงินเข้มงวดที่มีผลสะท้อนกลับจากช่วงที่ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย

logoline