ดัชนีความกินดีอยู่ดีชาวอเมริกันตกชั้นอยู่อันดับ 18 เป็นรองสแกนดิเนเวีย 4 ประเทศ

รัฐมนตรีคลังเยอรมัน Wolfgang Schuble เปิดฉากวิพากษ์สหรัฐ เตือนหากสหรัฐเดินถอยหลังเมินต่อระบบการค้าเสรี จะทำลายระบบเศรษฐกิจในโลกเสรี ในระหว่างร่วมแสดงปาฐกถา ที่ American Academy ในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งมี Henry Kissinger และ Lawrence Summer ร่วมอยู่ด้วยQatar Airways เสนอซื้อหุ้น 10% ใน American Airlines ซึ่งคิดเป็นวงเงิน 808 ล้านดอลลาร์ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาของผู้บริหารทั้งสองฝ่าย ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน และยูเออี ประกาศบล็อกน่านฟ้าห้ามสายการบินของกาตาร์บินผ่าน1. สหรัฐเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพีสูงถึง 18.5 ล้านล้านดอลลาร์ และรายได้ประชาชาติต่อหัว 57,300 ดอลลาร์ต่อปี แต่ Social Progress Index 2017 กลับบ่งชี้ดัชนีความกินดีอยู่ดีของคนอเมริกันตกชั้นลงสู่แถวที่ 2 อยู่ในอันดับที่ 18 จากทั่วโลก 128 ประเทศ โดยตกเป็นรองจากกลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวีย 4 ประเทศทั้งเดนมาร์่ก-ฟินแลนด์-ไอซ์แลนด์-นอร์เวย์ ซึ่งยกระดับชีวิตความกินดีอยู่ดีของประชาชนขึ้นสู่แถวหน้าเป็นชั้น 1 ของโลกทั้งนี้ Social Progrees Index 2017 รายงานฐานะ 20 ชาติที่มีคะแนนสูงประกอบด้วย Denmark 90.57, Finland 90.53, Iceland 90.27, Norway 90.27, Switzerland 90.10, Canada 89.84, Netherlands 89.82, Sweden 89.66, Australia 89.30, New Zealand 89.30, Ireland 88.91, United Kingdom 88.73, Germany 88.50, Austria 87.98, Belgium 87.15, Spain 86.96, Japan 86.44, United States 86.43, France 85.92 และ Portugal 85.442. ส่วนหนี้สินของคนอเมริกันตามรายงานของ Credit Bureau ณ สิ้นปี 2016 ระบุว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกัน 73% มีหนี้ที่จ่อถึงคอหอยถึงคนละ 61,554 ดอลลาร์ แต่หากว่ามีการหักบัญชีภาระหนี้ที่มาจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้วยแล้ว มียอดหนี้ราว 12,875 ดอลลาร์ต่อคนทั้งนี้ในรายงาน credit.com ของ FileOne ชี้ว่า จำนวนผู้บริโภคอเมริกันราว 220 ล้านคน เทียบกับคนอเมริกันที่เป็นผู้หญ่ำนวน 242 ล้านคน มีการแบกหนี้ดังกล่าว 68% เป็นหนี้จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เกิดจากสินเชื่อหลายประเภททั้ง mortgage loans, auto loans, personal loans และ student loans3. รัฐมนตรีคลังเยอรมัน Wolfgang Schuble เปิดฉากวิพากษ์สหรัฐ เตือนหากสหรัฐเดินถอยหลังเมินต่อระบบการค้าเสรี จะทำลายระบบเศรษฐกิจในโลกเสรี ในระหว่างร่วมแสดงปาฐกถา ที่ American Academy ในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งมี Henry Kissinger และ Lawrence Summer ร่วมอยู่ด้วย หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มักอ้างเหตุผลที่ต้องการเจรจาการค้าแบบทวิภาคีมากกว่าการเปิดเสรีแบบพหุภาคี เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อคนอเมริกัน ภายใต้หลักการที่เรียกว่า America First บ่อยครั้งในการใช้นโยบายเดินถอยหลังเรื่องระบบการค้าเสรีของสหรัฐยังชอบอ้างเหตุที่อเมริกาต้องเสียเปรียบดุลทางการค้าโดยที่สหรัฐต้องประสบภาวะขาดดุลการค้ามหาศาล โดยเฉพาะกับ 3 ประเทศหลักคือ จีนที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้าจำนวนสูงถึงปีละ 3.47 แสนล้านดอลลาร์ การขาดดุลกับญี่ปุ่น 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ และขาดดุลกับเยอรมัน 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์รวมถึงการใช้นโยบายกร้าวร้าวที่มีการประกาศถอนตัวจาก Paris Accord เรื่องข้อกำหนดลดโลกร้อน การขึ้นบัญชี 6 ชาติอาหรับห้ามเข้าสหรัฐ และล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนกำแพงที่จะสร้างขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐ ซึ่งจะให้เม็กซิโกเป็นผู้จ่ายเงินติดตั้งโซล่าเซลล์ เพื่อนำเงินมาสร้างกำแพงดังกล่าว4. Qatar Airways เสนอซื้อหุ้น 10% ใน American Airlines ซึ่งคิดเป็นวงเงิน 808 ล้านดอลลาร์ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาของผู้บริหารทั้งสองฝ่าย ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน และยูเออี ประกาศบล็อกน่านฟ้าห้ามสายการบินของกาตาร์บินผ่านทั้งนี้ Qatar Airways ถือเป็นหนึ่งในสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง และเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดของโลก จากการจัดอันดับของ SKYTRAXโดยมาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนการคว่ำบาตรที่ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) บาห์เรน อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ โดยกล่าวหาว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และอิหร่าน รวมทั้งบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยที่ทั้ง 3 ชาติอาหรับได้ปิดชายแดนทางบกและทะเลอีกด้วย5. McKinsey ชี้แบงก์สหรัฐอาจตัดลดค่าใช้จ่าย 30% หรือคิดป็นเม็ดเงินถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการเลิกจ้างบรรดานักวิเคราะห์ในการจัดทำบทวิจัยและวิเคราะห์ด้านการเงินและการลงทุนปะเภทต่างๆ หลังจากที่ยุโรปกำลังจะออกกฎแบนบทวิเคราะห์อิสระในเร็ววันนี้ที่ผ่านมา บรรดาแบงก์สหรัฐมีการใช้เงินถึงปีละ 4 พันล้านดอลลาร์สำหรับการจ้างนักวิเคราะห์ด้านต่างๆ และนับตั้งแต่ปี 2011 นักวิเคราะห์การลงทุนด้านบริหารการเงินมีอัตราการตดงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นจำนวนกว่า 3,900 คนแล