svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรัมป์ปรับท่าทีเข้าร่วมประชุม 50 ชาติอาหรับ กลับลำสร้างความร่วมมือต่อสู้กลุ่มไอเอส

22 พฤษภาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์ปรับท่าทีเข้าร่วมประชุม 50 ขาติอาหรับ กลับลำสร้างความร่วมมือต่อสู้กลุ่มแนวคิดสุดโต่งของกลุ่มรัฐอิสลามหัวรุนแรง IS โดยยีนยันว่าท่าทีของสหรัฐที่แข็งกร้าวเป็นความต้องการที่ขะต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วร้าย ไม่ได้เป็นการต่อสู้ในเรื่องลัทธิความเชื่อ

ขณะเดียวกันทรัมป์ได้มีการเซ็นสัญญาขายอาวุธ 3.5 แสนล้านดอลลาร์ให้กับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม พร้อมทั้งเยือนอิสราเอลเป็นชาติต่อไป ก่อนเข้าร่วมประชุมกลุ่มนาโตในวันพฤหัสฯ และเดินทางต่อไปประชุมผู้นำกลุ่ม G-7 ในระหว่างวันที่ 26-27 พฤษภาคม ที่อิตาลี
ทั้งนี้ หลังจากผ่านพ้นสัปดาห์แห่งความตกต่ำในการลงทุนจากปัจจัยเสี่ยงที่ของ Geopolitics ที่ร้อนแรงมากขึ้น โดยที่มูลค่ามาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นทั่วโลกสูญหายไปถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเพียง 2 วันจากแรงกระหน่ำขาย ตลาดหุ้นยังคงต้องจับตาความเสี่ยง 4 เรื่องใหญ่จากปัญหา Geopolitics ทั้งวิกฤติการถอดถอนตำแหน่งประธานิบดีสหรัฐและบราซิล การยิงขีปนาวุธของเกาหลีดหนือ และการกำหนดท่าทีของอังกฤษที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่จ่ายเงิน 1 แสนล้านยูโรตามข้อเรียกของอียูในขณะที่กระบวนการเจรจา Brexit กำลังจะเริ่มต้นมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มิถุนายนนี้

1.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมประชุมผู้นำ 50 ชาติอาหรับเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่กรุงริยาดห์ ถือเป็นการประชุมสุดยอดชาติอาหรับ-อเมริกัน พร้อมถกหาแนวทางต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลามและพวกหัวรุนแรงร่วมกับกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย โดยทรัมป์ได้กล่าวสุนทรพจน์เชิงขอโทษต่อปฏิบัติการของทหารสหรัฐในตะวันออกกลาง ยีนยันว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วร้าย ไม่ได้เป็นการต่อสู้ในเรื่องลัทธิความเชื่อ
เรียกได้ว้าเป็นการปรับท่าทีใหม่ของทรัมป์ ซึ่งนับเป็นการกลับลำเพื่อสร้างความร่วมมือต่อสู้กลุ่มมุสลิมแนวคิดสุดโต่งของกลุ่มรัฐอิสลามหัวรุนแรง ISIS หลังจากที่เคยใช้นโยบายแข็งกร้าวสกัดการเข้าเมืองของชาวมุสลิมใน 7 ประเทศไม่ให้เข้าสหรัฐ
โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ซาอุดิอาระเบียแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์จะเดินทางต่อไปยังอิสราเอล ก่อนที่จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ในวันพฤหัสบดีนี้ และเดินทางต่อไปเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม G-7 ที่เมืองซิซิลีของอิตาลร ในช่วงวันที่ 26-27 พฤษภาคม


2.ทรัมป์ยังได้ลงนามในข้อตกลงขายอาวุธกับซาอุดิอาระเบียซึ่งมีมูลค่ากว่า 3.5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อยืนยันต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับซาอุดิอาระเบียอีกครั้ง หลังจากที่เกิดความหมางเมินในยุคของประธานาธิบดีบารัก โอบามา


3.เนื่องจาก ซาอุดิอาระเบียมีแผนจัดตั้งบริษัทอุตสาหกรรมการทหารแห่งชาติที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ ตามวิสัยทัศน์ Vision 2030 โดยที่บริษัทอุตสาหกรรมการทหารแห่งซาอุดิอาระเบีย (Saudi Arabian Military Industries หรือ SAMI) จะผลิตสินค้าและให้บริการใน 4 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ ระบบอากาศยาน เพื่อการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอากาศยานปีกตรึง ตลอดจนผลิตและซ่อมแซมอากาศยานไร้คนขับ ระบบภาคพื้นดินเพื่อการผลิตและซ่อมแซมยานพาหนะทางทหาร รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และขีปนาวุธ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านกลาโหมที่เป็นเรดาร์ เซ็นเซอร์ ระบบสื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
ทั้งนี้ SAMI ประกาศก่อนหน้านี้ตั้งเป้าว่าจะเป็นบริษัทด้านกลาโหม 25 อันดับแรกของโลกภายในปี 2030


4.Rex Tillerson รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ส่งสัญญาณสหรัฐอาจจะเปิดเจรจากับอิหร่านในอนาคต โดกล่าวในระหว่างการประชุมที่เมืองริยาดห์ ของซาอุดิอาระเบีย ถึงแม้ในขณะนี้เขายังไม่มีแผนที่จะพูดคุยกับรัฐบาลอิหร่านโดยตรง แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม สหรัฐก็จะเปิดการเจรจากับอิหร่านได้ อย่างไรก็ตาม เขาได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซัน รูฮานี เริ่มต้นก่อนกระบวนการเจรจา ด้วยการถอนตัวออกจากกองกำลังก่อการร้ายที่อิหร่านให้การสนับสนุนในภูมิภาค
หลังจากประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี และได้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนน 23,549,616 เสียง หรือราว 57% ส่วนคู่แข่งคนสำคัญคือ เอบราฮิม ไรซี ได้ไป 15,786,449 เสียง หรือ 38%


5.หลังจากผ่านพ้นสัปดาห์แห่งความตกต่ำในการลงทุนจากปัจจัยเสี่ยงที่ของ Geopolitic ที่ร้อนแรงมากขึ้น โดยที่มูลค่ามาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นทั่วโลกสูญหายไปถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเพียง 2 วันจากแรงกระหน่ำขาย หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีนี้จนแตะระดับมูค่ามาร์กเก็ตแคปสูงสุด 74 ล้านล้านดอลลาร์
โดยตลาดหุ้นเริ่มตา 4 เรื่องความเสี่ยงต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ทั้งเรื่องแรกที่เกี่ยวกับวิกฤติการถอดถอรของทรัมป์ ซึ่งคณะกรรมาธิการตรวจสอบของสภาสูงสหรัฐสั่งให้สำนักงาน FBI ส่งบันทึกข้อความของ James Comey ที่ระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้นะงับการสอบสวนอดีตที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งอาจเข้าข่ายการแทรกแซงกระบวนการสอบสวนกรณีไปแอบพบกับเจ้าหน้าที่ของรัสเซียตามการรายงานของนิวยอร์กไทม์ เพื่อให้สภาได้ตรวจสอบภายในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้
เรื่องที่สอง การที่ศาลสูงของบราซิลจะพิจารณารับเรื่องการเรียกร้องให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีบราซิลในวะนที่ 24 พฤษภาคมนี้หรือไม่ หลังจากที่มีเสียงจากฝ่ายรัฐบาลให้เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากอาจจะส่งผลต่อแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐกว่า 6.05 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งตกต่ำอย่างหนักในขณะนี้
ในเรื่องที่สาม การยิงทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือซึ่งเพิ่งจะมีการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางระยะ 500 กิโลเมตร เป็นครั้งที่ 9 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยไปตกที่ฝั่งทะแลญี่ปุ่น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการยิงขีปนาวุธในครั้งนี้เป็นเพียงการทดสอบระบบป้องกันภัยเสี่ยงของประเทศ ไม่ใช่เป็นการยิงขีนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปเหมือนครั้งก่อนหน้านี้
และเรื่องที่สี่ การจับตาท่าทีในความพยายามอีกครั้งสำหรับการเตรียมตัวของอังกฤษในการเจรจา Brexit อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มิถุนายน หลังจากที่อังกฤษหลีกเลี่ยงที่จะไม่จ่ายเงิน 1 แสนล้านยูโรตามที่เป็นข้อเรียกร้องของสหภาพยุโรป
6.ปัญหาวิกฤติของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐที่เข้าข่ายการล้มละลายถึง 11 บริษัท ซึ่งจากรายงานบทวิเคราะห์ของ Credit Suisse มีการปิดกิจการนับตั้งแต่ต้นปีไปแล้ว 2,880 แห่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2016 ที่มีการปิดไป 1,153 แห่ง โดยคาดว่าทั้งปี 2017 นี้อาจต้องปิดกิจการสาขาลงถึง 8,640 แห่ง เทียบกับช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินสหรัฐที่มีการปิดสูงถึง 6,200 แห่งในปี 2008
ทั้งนี้ บริษัทค้าปลีกสหรัฐที่เข้าข่ายการยื่นขอล้ละลายนั้น เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้เป็นวงเงินกว่า 6 พันล้านดอลลาร์นับตั่งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนเมษายน





logoline