svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

สวีเดนเผย! ใกล้สมบูรณ์แบบ ประเทศแรกของโลกที่เลิกใช้เงินสด ไม่หวั่นมัลแวร์เรียกค่าไถ่แพร่ระบาด

19 พฤษภาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สวีเดนเผยเลิกใช้เงินสดใกล้สมบูรณ์แบบในการเป็นประเทศแรกของโลกที่เลิกใช้เงินสด โดยไม่หวั่นต่อเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ของมัลแวร์เรียกค่าไถ่แพร่ระบาด หลังจากที่ปริมาณการใช้เงินสดหมุนเวียนลดต่ำลงอย่างรวดเร็วอยู่ที่ระดับ 5.68 หมื่นล้านโครเนอร์ หรือราว 6.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1990 ในขณะที่โบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศแห่งศตวรรษที่ 13 และกลุ่มคนยากจนไร้ที่อยู่ในกรุงสต็อกโฮล์ม มีการยอมรับบัตรเครดิตในการบริจาคเงินแล้ว

ท่ามกลางสถานการณ็โจมตีไซเบอร์ของมัลแวร์เรียกค่าไถ่แพร่ระบาดกว่า 370,000 รายใน 150 ประเทศจากไวรัส WannaCry เมื่อวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นภาวะที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม เนื่องจากการรั่วไหลของการใช้เครื่องมือของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ (NSA) ที่ทำให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ต่อผู้ใช้งานคอมพิวเตอน์จนถึงขณะนี้กว่า 57,000 แห่ง
ขณะที่ตลาดหุ้นบราซิลปั่นป่วนอย่างหนักมีการระงับการซื้อขายหลังราคาหุ้นดิ่งลง 10% ขณะเดียวกันค่าเงินเรียลดิ่งลงมากกว่า 6% จากวิกฤตการณ์ต้านคอร์รัปชันอย่างรุนแรงเหตุข่าวฉาวประธานาธิบดี Michel Temer รู้เห็นเกี่ยวกับการติดสินบนของนักธุรกิจค้าเนื้อที่จ่ายให้กับอดีตประธานาสภาผู้แทนราษฎร


1.ล่าสุดทางการสวีเดนระบุสังคมไร้เงินสดกำลังเข้าใกล้สถานะเป็นประเทศแรกในโลกที่เลิกใช้เงินสดอย่างสมบูรณ์ ขณะที่โบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศในศตวรรษที่ 13 รวมทั้งกลุ่มคนยากจนที่ไร้ที่อยู่อาศัยในกรุงสต็อกโฮล์ม ก็ได้ยอมรับบัตรเครดิตในการบริจาคเงินแล้ว

หลังจากที่เป็นความพยายามมานานถึง 6 ปีในการเตรียมการเข้าสู่งสังคมไร้เงินสดของสวีเดน ขณะที่การใช้บัตรเครดิต เดบิต และแอ็ปพลิเคชั่นใน Swish app แทนเงินสดเป็นที่แพร่หลายในสวีเดนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังสวีเดนใช้นโยบายสังคมไร้เงินสดเป็นประเทศแรก เพราะแม้แต่คนเร่ขายหนังสือพิมพ์และนิตยสารในกรุงสต็อกโฮล์มก็ยังยอมรับการชำระเงินด้วยแอ็ปพลิเคชั่นที่เรียกชื่อว่า Swedens popular Swish app แทนการใช้เงินสดเช่นเดียวกัน


2.รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสวีเดนเปิดเผยถึงปริมาณเงินหมุนเวียนที่เป็นธนบัตรและเหรียญในระบบเศรษฐกิจล่าสุดได้ลดต่ำลงอย่างรวดเร็วอยู่ที่ระดับ 5.68 หมื่นล้านโครเนอร์ หรือราว 6.4 พันล้านดอลลาร์ เป็นระดับต่ำสุดใกล้เคียงกับปริมาณเงินสดหมุนเวียนในช่วงปี 1990 ซึ่งเป็นการลดลงถึง 40% ในปี 2017 นี้จากภาวะที่มีปริมาณเงินสดที่มีการใช้หมุนเวียนมากกว่า 9.5 หมื่นล้านโครเนอร์ในช่วงปี 2005-2011
โดยเฉพาะในปี 2016 ชาวสวีเดนมีการใช้เงินสดลดลงถึง 15% เป็นอัตราการลดลงที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เป็นมีมาก่อน เพราะเมื่อย้อนกลับไปในช่วง 6 ปีก่อนหน้านี้ เริ่มจากปี 2010 ลดลงราว 1% ปี 2011 ลดลง 5% ปี 2012 ลดลง 4% ปี 2013 ลดลง 3% ปี 2014 ลดลง 6% และปี 2015 ลดลง 4%
สวีเดนมีประชากรตามรายงานล่าสุด ณ 31 มีนาคม 2017 จำนวนเพียง 10 ล้านคน ขณะที่มีรายได้ต่อหัวต่อปีสูงถึง 51,600 ดอลลาร์


3.ตลาดหุ้นบราซิลปั่นป่วนหนักมีการระงับการซื้อขายหลังราคาหุ้นดิ่งลง 10% เปิดการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสฯ นอกจากนี้ค่าเงินเรียลของบราซิลได้ดิ่งลงมากกว่า 6% เมื่อเทียบดอลลาร์ จากวิกฤตการณ์ต้านคอร์รัปชันเหตุข่าวฉาวประธานาธิบดี Michel Temer รู้เห็นเกี่ยวกับการติดสินบนของนักธุรกิจค้าเนื้อที่จ่ายให้กับอดีตประธานาสภาผู้แทนราษฎร
โดยกระทบถึงการซื้อขายหุ้นในตลาดสหรัฐ เมื่อหุ้น iShares MSCI Brazil Capped ETF หรือ EWZ ซึ่งเป็นกองทุน ETF ของสหรัฐที่มีการซื้อขายโดยอิงหุ้นบราซิลร่วงลงกว่า 17% ในช่วงการซื้อขายก่อนเปิดตลาด
เนื่องจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ O Globo ในบราซิล ระบุว่า ประธานาธิบดี Michel Temer ของบราซิล ได้ให้การสนับสนุนต่อความพยายามที่จะมีการจ่ายเงินแก่พยานคนหนึ่งเพื่อปิดปากในการให้การคดีการให้สินบนครั้งใหญ่ที่สุดของบราซิล จนทำให้เกิดการประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีลาออก
แต่ประธานาธิบดี Michel Temer ยังคงยืนยันว่า จะไม่ลาออกจนกว่าจะพิสูจน์ในความบริสุทธิ์ครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลของเขาก็จะไม่ถูกสั่นคลอนจากข้อกล่าวหาที่มีต่อตัวเขา แม้มีหลักฐานบันทึกเสียงของประธานาธิบดี Michel Temer ที่ได้กล่าวสนับสนุนการจ่ายเงินแก่พยานรายนี้ก็ตาม
สำหรับเรื่องอื้อฉาวนี้ถูกเปิดโปงขึ้นเนื่องจากว่าพ่อค้าเนื้อรายกังกล่าวนี้มีการจ่ายเงินสินบนให้กับบุคคลที่เคยเป็นอดีตประธานสภาฯ ที่เคยอยู่ในตำแหน่งช่วงที่มีการถอดถอนประธานาธิบดี Dilma Rousseff ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดี Michel Temer ได้ก้าวขึ้นมาแทนในเวลาต่อมา


4.ตลาดการเงินยังคงจับตามองบทบาทของ 3 ธนาคารกลางหลักของโลก หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐยืนยันที่จะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ที่ระดับ 1.5% ซึ่งสวนทางกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ยังคงเดินหน้าอัดฉีดเงิน QE เข้าสู่ระบบถการเงินในยุโรปและญี่ปุ่น โดยเป็นผู้ซื้อสินทรัพย์ทางการเงินฝนจลาดสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์นับจากต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งที่ BOJ ต้องประสบการขาดทุนมหาศาลถึง 23 ล้านล้านเยนเนื่องจากการแทรกแซงตลาดด้วยการการันตีผลตอบแทนบอนด์ของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ระดับ 1.0% มาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งส่งผลให้การซื้อบอนด์รัฐบาลชะลอลงที่ 60 ล้านล้านเยนในเดือนที่ผ่านมา แต่ BOJ จะยังึงการอัดฉีดเม็ดเงิน QE ต้อไปปีละ 80 ล้านล้านเยน
ส่วน ECB ยังคงมีการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินในตลาดถึงเดือนละ 2.5 เสนล้านดอลลาร์ พี้อมกับคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2018


5.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอก "No, no" ไม่เคยพูดกับ James Comey อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ให้ระงับการสอบสวนกรณีของ Mike Flynn หลังจากเกิดกระแสเรียกร้องให้มีการถอดถอนเขาจากตำแหน่ง โดยชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปฏิบัติการล่าแม่มดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
การตำหนิอย่างรุนแรงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการแต่งตั้ง Robert Mueller อดีตผู้อำนวยการ FBI เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษควบคุมการสอบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2016 รวมถึงความสัมพันธ์ของรัสเซียที่เชื่อมโยงกับทีมหาเสียงของเขา
โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นบันทึกข้อความของ James Comey อดีตผู้อำนวยการFBI ที่ทรัมป์สั่งปลดโดยอ้างว่าไม่พอใจการทำงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับให้ระงับการสอบสวนกรณีของ Mike Flynn อดีตที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งทรัมป์เป็นผู้แต่งตั้ง จากกรณีที่แอบไปพบปะกับทางรัสเซียในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยทรัมป์ย้ำว่าการสอบสวนอย่างละเอียดจะยืนยันสิ่งที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าไม่มีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างทีมหาเสียงของเขากับหน่วยงานไม่ว่าจากชาติไหนก็ตาม

logoline