คนไทยหนี้พุ่ง! คุมกำเนิดบัตรเครดิต จำเป็นต้องใช้ หรือ ใช้เกินจำเป็น?

มีใครบ้างครับที่เดินไปสมัครทำบัตรเครดิตกับธนาคารด้วยตัวเอง คงมีแต่เชื่อว่า น้อย กว่าการเสนอให้ทำจากทางธนาคารเอง อำนวยความสะดวกขนาดโทรมาแนะนำ และส่งแมสเซนเจอมารับเอกสาร ให้เราได้เป็นหนี้อย่างง่ายดายหลายคนอาจโทษธนาคารที่มาบอกให้ทำบัตร จนทำให้เราใช้เงินในบัตรเกินรายรับ ในที่สุดไม่มีเงินจ่าย แม้แต่ขั้นต่ำก็ไม่มี ฉะนั้นธนาคารเป็นคนเริ่มก่อน ถ้าไม่มาแนะนำให้ทำเราตั้งแต่แรก เราก็คงไม่ต้องเป็นหนี้แต่หลายคนก็ยอมที่จะเป็นหนี้ .... ด้วยปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม

เมื่อช่วงวันแรงงานที่ผ่านมา ผมได้สัมภาษณ์แรงงานจากบริษัทต่างๆ พวกเขาบอกว่าค่าตอบแทนที่ได้รับไม่พอกับรายจ่าย ด้วยรายได้ของคนหนึ่งคน ต้องเลี้ยงดูหลายชีวิต ทั้งพ่อแม่ที่แก่ชรา และลูกที่กำลังเรียนหนังสือ กลายเป็นวัฏจักรหนี้ไม่มีที่สินสุดผมอยากให้ธนาคารมองลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ให้ความเห็นอกเห็นใจ ไม่ซ้ำเติม พวกเขา ขณะเดียวกันในมุมของลูกหนี้ก็ไม่อยากให้คิดหนีหนี้ เป็นหนี้ก็ต้องใช้ ให้หาทางพูดคุยกันในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ข้อมุลเครดิตบูโร เมื่อสิ้นปี 2559 พบว่ามีลูกหนี้บัตรเครดิตที่อยู่ในฐานข้อมูลของเครดิตบูโรทั้งสิ้น 19.07 ล้านบัญชี โดยในจำนวนนี้คิดเป็นลูกหนี้ที่เป็นเอ็นพีแอล (ผิดนัดชำระ ไม่จ่าย) 888,214 บัญชี หรือมูลค่าหนี้เอ็นพีแอลที่ 53,593 ล้านบาท เติบโต 10.8% จากปีก่อนหน้า !สัดส่วนมูลค่าเอ็นพีแอลต่อยอดการใช้จ่ายของบัตรเครดิตขยับขึ้นไปอยู่ที่ 13.2% ส่วนสินเชื่อบุคคลมีฐานข้อมูลลูกหนี้ทั้งสิ้น 15.49 ล้านบัญชี เป็นเอ็นพีแอลที่ 2,143,745 บัญชี มูลค่าหนี้เอ็นพีแอลราว 166,241 ล้านบาท

เมื่อเป็นหนี้ ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนก็จะลดลง เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ผลที่ตามมาคือ ความเครียด ปัญหาครอบครัว เกิดอาชญากรรมการฆ่าตัวตาย ฯลฯสำนักงานสถิติแห่งชาติ เสนอรัฐบาลว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครัวเรือนให้ตรงจุดนั้น ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มครัวเรือนยากจน เกษตรกร เป็นต้น เพราะหนี้สินส่วนใหญ่ต้องนำมาใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อที่อยู่อาศัยและใช้จ่ายในครัวเรือน แต่ผมเห้นว่า ทุกวันนี้ พนักงานบริษัท หรือแรงงานในระบบ ก็เป็นหนี้และมีปํญหาการเงินไม่แพ้กัน จากค่าแรง ที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพหนี้ ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว ปํญหาครอบครัว อีกต่อไป
ธนาคารแห่งประเทศไทย จะช่วยเหลือประชาชนที่เป็นหนี้ "บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคล" ตั้งเป้าจำนวน 2 แสนราย เข้าโครงการ "แก้หนี้รายย่อยแบบรวมศูนย์" โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ 1) เป็นบุคคลธรรมดา 2) มีรายได้ประจำ 3) มีเจ้าหนี้แบงก์มากกว่า 1 แห่ง 4) ยอดหนี้เงินต้นรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท 5) เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และ 6.หนี้ยังไม่ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยจะเปิดโครงการ วันที่ 1 มิถุนายน นี้ อยากให้คนเป้นหนี้ติดตามข่าวแต่ วันนี้ อยากตั้งคำถามกับทุกท่านก่อนว่า "เป็นหนี้" เพราะ จำเป็นต้องใช้ หรือ "เป็นหนี้" ใช้เกินจำเป็น กันแน่ ...

(หลายคนคงตอบในใจ ... เป็นหนี้ เพราะจำเป็นทั้งนั้นแหละ)