svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ดาวโจนส์ซบเซาต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ท่ามกลางแรงเทขายของนักลงทุน

28 มีนาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ดาวโจนส์ซบเซาต่อเนื่องเป็นวันที่แปด เปิดตลาดในจุดที่ร่วงลง 700 จุดจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 21,169 เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงเทขายของนักลงทุนที่มีจำนวนมาก จากความกังวลปัญหาการบริหารประเทศของทรัมป์ที่ต้องเจอกับอุปสรรคมากขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ เชื่อว่า ราคาหุ้นสหรัฐยังคงมีมูลค่าสูงเกินไป หรือ Overvalue ถึง 25-30% ถึงแม้ว่าการลงทุนทุกวันนี้ถือว่าอยู่ในภาวะตลาดหมีก็ตาม

นอกจากนี้โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจอันดับหนึ่งของสหรัฐแนะ 3 ทางเลือกการลงทุนหุ้นสหรัฐ คือ 1. ต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าหุ้นสหรัฐอยู่ในภาวะตลาดหมีที่มีความซบเซา 2. อย่าโหมการลงทุนเพิ่มขึ้นสวนทางภาวะตลาด 3. จัดพอร์ตการลงทุนให้ง่ายและรอจังหวะการลงทุนที่มีระยะยาวขึ้น
ขณะที่เงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงสวนทางทิศทางดอกเบี้ยของเฟด โดย Dollar Index หลุดลงไปสู่ระดับ 98.90 ส่งผลต่อความผันผวนของหุ้นสหรัฐที่ยังคงเป็นตัวนำที่ทำให้หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง

1.ถึงแม้ว่าการลงทุนในหุ้นสหรัฐจะอยาในภาวะตลาดหมี แต่ดาวโจนส์ซบเซาต่อเนื่องเป็นวันที่แปด เปิดตลาดในวันจันทร์ที่ 20,427 ซึ่งเป็นระดับที่ร่วงลงถึง 700 จุดจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 21,169 เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากแรงเทขายของนักลงทุนที่มีจำนวนมาก จากความกังวลในปัญหาการบริหารประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องเจอกับอุปสรรคมากขึ้นหลังจากที่ไม่สามารถผลักดันแผนประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่บรรเทาภาวะงบประมาณ โดยยังคงต้องใช้ Obamacare ที่สร้างภาระด้านงบประมาณเป็นวงเงินสูงถึงปีละ 2 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังอาจจะส่งผลให้แผนกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต้องล่าช้าออกไป
ขณะที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ เชื่อว่า ราคาหุ้นสหรัฐยังคงมีมูลค่าสูงเกินไป หรือ Overvalue ถึง 25-30% ถึงแม้ว่าการลงทุนทุกวันนี้ถือว่าอยู่ในภาวะตลาดหมีก็ตาม โดยดาวโจนส์เปิดตลาดที่ 20,427 ก่อนที่จะไต่ขึ้นมาปิดที่ 20,550 แต่ยังคงลดลง 46 จุด ในทิศทางที่อ่อนตัวเช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 และหุ้นเทคโนโลยีในNasdaq ดนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงเป็นปัจจัยถ่วง

2.แต่โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจอันดับหนึ่งของสหรัฐ คาดว่า S&P 500 จะยังเคลื่อนไหวเกาะอยู่ที่ระดับดัชนี 2,300 ถึงแม้ว่านักลงทุนจะยังเทขายต่อเนื่องก็ตาม โดยแนะ 3 ทางเลือกการลงทุนในหุ้นสหรัฐ คือ 1. นักลงทุนต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าหุ้นสหรัฐอยู่ในภาวะตลาดหมีที่มีความซบเซา 2. อย่าโหมการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งที่สวนทางภาวะตลาด 3. จัดพอร์ตการลงทุนแบบง่ายๆ และรอจังหวะการลงทุนใหม่ที่มีระยะยาวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐมีสภาพคล่องลดลงมา เนื่องจากในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมาบรรดานักลงทุนสถาบันประเภทกองทุนการลงทุนและเฮดจ์ฟันด์ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น สวนทางนักลงทุนรายย่อยที่ใส่เม็ดเงินเข้ามาแทน ซึ่งตรงกับมุมมองทั้งจากโกลด์แมน แซคส์ แบงก์ออฟอเมริกา เมอร์ริลลินช์ เจพี มอร์แกน และมอร์แกน แสตนเลย์ รวมถึงความกังวลที่มีต่อการปรับขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐอีก 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ อาจจะส่งผลให้จีดีพีสหรัฐเติบโตในปีนี้ราว 2% แทนที่จะเป็น 3.5-4% ต่อปีตามที่ทรัมป์ต้องการ

3.นอกจากนี้ทิศทางของเงินดอลลาร์ยังคงสร้างเซอร์ไพรส์อ่อนค่าลง โดยที่ Dollar Index หลุดระดับลงมาที่ 98.90 เมื่อวันจันทร์ เป็นการอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยที่ Dollar Index เคยขึ้นไปแตะที่ระดับพีค 103.30 เมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากปัญหาการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
แต่ขณะเดียวกันตลาดบอนด์สหรัฐเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น โดยบอนด์ยีลด์ยังคงปรับตัวลดลงแตะที่ 2.35% ในวันจันทร์ก่อนที่จะทรงตัวที่ 2.37% ในช่วงเช้าวันอังคารเมื่อเปิดตลาดเอเชีย หลังจากที่เคยพุ่งสูงถึง 2.69% ช่วงปลายปี 2016 ท่ามกลางการกระหน่ำขายบอนด์ของนักลงทุนที่หวั่นไหวต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยที่บรรดากูรูลงทุนในบอนด์ออกมาชึ้นจุดอันตรายหากว่าบอนด์ยีลทะลุขึ้นไปที่ 2.75%

4.ตลาดหุ้นเอเชียยังคงผันผวนตามหุ้นสหรัฐ ถึงแม้ว่าจะโงหัวขึ้นในเช้าวันอังคารนำโดยนิคเคอิญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้น 1.2% หลังทรุดตัวลง 1.3% เมื่อวันจันทร์ ส่วนหั่งเส็งฮ่องกงฟื้นตัว 0.5% หลังจากวันจันทร์ทรุดลง 0.7% ขณะที่หุ้นยุโรป Stoxx 600 ทรุดตัว 0.8% ในวันจันทร์
ส่วนดัชนีหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ก็ตกอยู่ในภาวะที่ผันผวนเปราะบาง หลังปรับตัวลงต่อเนื่อง 8 วันทำการจนวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ในวันอังคารเริ่มทรงตัวดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดาวโจนส์ที่ซื้อขายในตลาดซื้อขายจริงยังมีสัญญาณซบเซาเป็นตลาดหมี

5.ทรัมป์ยังคงงัดข้อกับพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในการนำเสนอแผนการปฏิรูปภาษี โดยล่าสุดมาสะดุดลงที่ผลประโยชน์ที่กลุ่มคนรวยที่มีเพียง 0.1% ของพลเมืองอเมริกัน จะได้รับจากการลดภาษีครั้งนี้ในระดับใด ซึ่งตามแผนของพอล ไรอัน และพรรคพวก เสนอว่ากลุ่มคนรวยจะจะได้รับประโยชน์ภาษีควรจะอยู่ที่ 1.4 ล้านดอลลาร์ต่อ 1 ครัวเรือนต่อปี ส่วนทรัมป์เสนอแผนช่วยคนรวยได้ประโยขน์ภาษี 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อ 1 ครัวเรือนต่อปี
หากความเห็นต่างยังคงเกิดขึ้นระหว่างฝ่ายบริหารของทรัมป์กับทางสภาฯยังเกิดขึ้นต่อไป ก็ไม่แน่นักว่า ผลงาน 100 วันแรกที่ทรัมป์ฝันไว้ว่า จะทำให้คนอเมริกันมีความหวังไปกับเขาที่จะนำอเมริกากลับมายิ่งใหญ่นั้น คงต้องนับถอยหลังไปอีก 1 เดือนเศษจากนี้ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ทรัมป์จะมีผลงานที่ติดลบหรือไม่ และเศรษฐกิจสหรัฐภายใต้การบริหารของทรัมป์จะเจอกับความชะงักในระยะสั้นหรือไม่ เป็นความเสี่ยงนักลงทุนทั่วโลกต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

logoline