ผลกระทบตลาดเงิน-ทุน หลังอังกฤษออกจากอียู

หลังจากผลโหวตการลงประชามติของอังกฤษ ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลโหวตให้อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) ชนะไปที่ 52 ต่อ 48 ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยตลาดทองคำโลกและตลาดทองคำในประเทศไทย มีความผันผวนมากสุด โดยเฉพาะราคาทองคำในประเทศตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า จนถึงเวลาประมาณ 15.50 มีการปรับราคาไปแล้วถึง 28 ครั้ง
เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเกิดความผันผวนทั่วโลก ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดออกมาติดลบ ที่ระดับ 7-10 % ทั้งตลาดอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส ส่วนตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ติดลบเกือบ 3% ที่ระดับต่ำสุด 1,393.83 หรือ -42.57 %
ขณะที่ตลาดเงิน ค่าเงินยูโร ร่วงลงร้อยละ 3 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์ของอังกฤษ ร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี
สอดคล้องกับมุมมองของ รองผู้อำนวยการ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี บอกว่า การออกจากอียูแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบคือ ออกแล้วไม่ส่งผลกระทบเลย มีผลต่อตลาดการเงินเพียงระยะสั้นเท่านั้น อัตราความผันผวน ทุกอย่างจะกลับมาในสมดุลได้เร็ว กับอีกกรณีออกมาแล้วตกลงกันได้ช้า อาจใช้เวลา 2 ถึง 3 ปี ในการเจรจา ซึงจะทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทางออกสุดท้ายคือผลออกไปทางเบร็กซิทโดยสิ้นเชิง โอกาสทางการลงทุนของ อียูและอังกฤษ จะชะลอตัวจากความเชื่อมั่นที่หายไปของนักลงทุน
แม้คนอังกฤษส่วนใหญ่จะโหวตให้ประเทศของตนออกจากอียู และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลก อาจเป็นผลที่เห็นเพียงในระยะสั้นนี้ แต่ในระยะยาว ผู้ว่าการแบงก์ชาติ วิรไท สันติประภพ บอกว่า ผลกระทบดังกล่าว จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเปราะบางมากขึ้น ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายด้าน โดยเฉพาะผลที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจอังกฤษและโครงสร้างของเศรษฐกิจยุโรปโดยรวม ส่วนผลกระทบในไทยเอง แบงก์ชาติและสถาบันการเงินมีการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า จึงไม่น่าเป็นห่วงเหมือนผลกระทบที่เกิดขึ้นในอดีต