
คุณสุภิญญา กลางณรงค์ กสทช.และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ทวีตข้อความล่าสุดผ่านเว็บโซเชียลทวิตเตอร์ว่า ส่วนตัวเห็นว่าคดีนี้ค่อนข้างร้ายแรงไม่เหมือนกับคดีอื่นๆ ของสื่อมวลชนที่อาจจะมีเรื่องฟ้องร้องหมิ่นประมาทซึ่งเป็นเรื่องของประโยชน์สาธารณะ แต่กรณีนี้เป็นในแง่ของส่วนบุคคลและเป็นเรื่องของการเงินที่บ่งบอกถึงความไม่สุจริตในวิชาชีพสื่อ ถึงแม้ว่าเบื้องต้นคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุดแต่ก็สูญเสียความน่าเชื่อถือต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เป็นเรื่องของจริยธรรมและจรรยาบรรณ ซึ่งหน่วยงานไม่ได้มีข้อกำหนดความผิดในด้านนี้ และไม่ได้มีข้อกฎหมายในแง่ตัวบุคคล แต่ได้กำกับดูแลนิติบุคคลเท่านั้น
ยกตัวอย่างใจความตอนหนึ่งระบุว่า
"ถ้าสมมติ กสทช.ถูกศาลชั้นต้นตัดสินคดีรับสินบน สังคมก็คงกดดันให้รับผิดชอบแม้คดียังไม่ถึงที่สุด คนทำหน้าที่สื่อก็แบกรับความคาดหวังนั้นเช่นกัน"
"ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าทางช่อง 3 จริงๆก็ควรจะมีมาตรการพักงานชั่วคราวทั้งเป็นการลดกระแสและทำให้เป็นแนวปฏิบัติเหมือนเคสอื่นๆที่มีกระแสสังคมรุนแรง"
สรุปว่า แม้ กสทช.ยังไม่มีอำนาจตัดสินจริยธรรมสื่อตรงๆ แต่กฎหมายให้อำนาจ กสทช.ในการส่งเสริมการกำกับดูแลให้องค์กรสื่อต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรม
ท่านที่บอกว่า กสทช.ไม่มีอำนาจหน้าที่ใดตามกฏหมายเลย ก็แสดงว่าไม่รู้กฎหมาย ส่วนท่านที่จะให้ใช้อำนาจหน้าที่เกินกฎหมาย ก็อาจมโนไป
Supinya Klangnarong (@supinya) 1 มีนาคม 2559
กสทช.ยังมีอำนาจหน้าที่ใน พรบ.กสทช.ข้อ18ตามรูปนี้ ในการทำให้สื่อต้องมีมาตรฐานกำกับดูแลเชิงจริยธรรม ชัดเจนอยู่แล้ว pic.twitter.com/YE7XQZzwGd
Supinya Klangnarong (@supinya) 1 มีนาคม 2559