svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ค้าปลีกคึกคักหลัง "เสี่ยเจริญ" ซื้อบิ๊กซี

08 กุมภาพันธ์ 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การกระโจนสู่ธุรกิจซุปเปอร์มาร์เกต หรือไฮเปอร์มาร์เกตของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ด้วยทุ่มเม็ดเงิน 1 แสน 2 หมื่น 3 พันล้านบาทซื้อกิจการบิ้กซีในเมืองไทย จะนำไปสู่การแข่งขันของธุรกิจนี้อย่างไร และผู้บริโภคจะได้ประโยชน์แค่ไหน จะสอบถามจากคุณชลิต ลิมปนะเวช อุปนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ว่า  "คาสิโน กรุ๊ป" กลุ่มบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของฝรั่งเศสได้ตกลงขายหุ้นส่วนใหญ่ที่ถืออยู่ในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ของไทย ให้กับกลุ่มบริษัททีซีซี กรุ๊ป ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นมูลค่าประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 122,400 ล้านบาท โดยข้อตกลงซื้อขายหุ้นครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดหนี้สินของกลุ่มบริษัท คาสิโน กรุ๊ป 
ทั้งนี้ บิ๊กซี เป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่หมายเลขสองของไทย รองจากค่ายเทสโก้ สาขาประเทศไทย การเข้าซื้อและถือหุ้นใหญ่ในห้างบิ๊กซี จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกในไทยของนายเจริญ ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัท เบอร์ลี ยุคเกอร์ พีซีแอล บริษัทค้าปลีกจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และอยู่ในเครือทีซีซีอยู่แล้ว
ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นเช้านี้  บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) หรือBIGC  เปิดตลาดราคาดีดตัวถึง 9.69%  รับข่าว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลุ่มคาสิโน เตรียมจะขายหุ้นทั้งทางตรงและอ้อมรวม 58.56% ในราคา 252.88 บาท มูลค่ารวม 1.22 แสนล้านบาท  ให้กับเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ผ่านบริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด  ทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามา หวังได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาในกระดานและราคาเทรนเดอร์ 
โดยราคาหุ้น BIGC เปิดตลาดเช้านี้ที่ 249 บาท เพิ่มขึ้น 22 บาท หรือ 9.69% มูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาท
ด้านประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และรองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์  รำภา คำหอมรื่น  บอกว่า หลังจากกลุ่มคาสิโนประกาศขายกิจการของบิ๊กซี เวียดนามเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา และเริ่มได้ทราบถึงความสนใจระดับหนึ่งในการเข้ามาครอบครองหุ้นของบิ๊กซี ประเทศไทย (BIGC) ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากกลุ่มคาสิโนว่า Geant International BV ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาขายหุ้นกับบริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น  โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อและขายหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัทรวมทั้งสิ้นจำนวน 483,077,600 หุ้น คิดเป็นหุ้นจำนวนร้อยละ 58.56 ของหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาต่อหุ้นเท่ากับ 252.88 บาท ซึ่งราคาหุ้นอาจจะมีการปรับลงตามจำนวนเงินปันผล ซึ่งผู้ขายอาจได้รับจากบริษัทฯ ตามมติที่ประชุมสามัญประจำปี 2559 ของบริษัทฯ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นธุรกรรมการขายหุ้นไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2559 นี้ ซึ่งภายหลังการเสร็จสิ้นธุรกรรมการขายหุ้น ผู้ซื้อจะต้องดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ ภายใต้ประกาศที่เกี่ยวข้องของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน และกฎเกณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป เมื่อเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประกาศแผนดำเนินธุรกิจเน้นการขยายสาขาแห่งใหม่ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ ขยายไฮเปอร์มาร์เก็ตจํานวน 6 สาขา ขยายบิ๊กซี มาร์เก็ตจํานวน 3 สาขา และขยายร้านมินิบิ๊กซีจํานวน 75 สาขา รวมถึงแผนการปรับปรุงพื้นที่เช่าและพื้นที่ขายของไฮเปอร์มาร์เก็ตให้แล้วเสร็จภายในปี 2559 จํานวน 7 สาขา ซึ่งในจํานวนนี้รวมสาขาลพบุรีและสาขาบางพลีซึ่งได้เริ่มดําเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา  
ปัจจุบัน บิ๊กซีมีจำนวนไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา (บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้าและบิ๊กซี จัมโบ้) บิ๊กซี มาร์เก็ต 55 สาขา มินิบิ๊กซี 394 สาขา และร้านขายยาเพรียว 146 สาขา 

logoline