นายอมรพงศ์ จันทร์กวี ทนายของเปรี้ยวและเอิร์น เปิดเผยว่า นัดส่งสืบพยานวันนี้เป็นไปด้วยดี อาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะ พยานบุคคลหลายปาก ขนาดมีการตัดไปแล้ว พยานอัยการมีทั้งหมด 27 คน ส่วนจำเลยมี 8 คน ซึ่งเป็นจำเลย 5 คน และบุคคลภายนอกอีก 3 คน เพื่อประโยชน์และความยุติธรรมของทุกฝ่าย ก็สามารถมีพยานเพิ่มได้อีก เพื่อให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ขึ้นกับศาลจะรับหรือไม่รับ แต่ส่วนใหญ่ศาลจะอนุญาต เพราะว่าเพื่อโอกาสในการต่อสู้คดีของจำเลย
ศาลได้มีการนัดสืบพยานโดยสรุปสุดท้าย 8 นัด สืบพยานโจทก์ 6 นัด และพยานจำเลย 2 นัด ส่วนของโจทก์ 6 นัด มีวันที่ 20 , 21 , 22 , 27 , 28 กุมภาพันธ์ 2561 และวันที่ 13 มีนาคม 2561 ส่วนจำเลยจะสืบ 2 นัด ในวันที่ 14 และ 15 มีนาคม 2561 หลังวันที่ 15 มีนาคม จะรู้ว่าคดีนี้จะฟังคำพิพากษาเมื่อไหร่ แต่น่าจะประมาณเดือนเศษจากวันที่ 15 มีนาคม 2561
ทนายความของผู้ต้อง บอกอีกว่า ตามกฎหมายแม้คดีนี้จะให้การรับสารภาพเนื่องจากมีอัตราโทษสูงถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ศาลต้องจัดหาทนายและต้องสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยอยู่แล้ว เพื่อให้ข้อเท็จจริงอันชัดแจ้ง เพื่อจะลงโทษจำเลยได้ต่อไป ตามกระบวนหลักยุติธรรมการต่อสู้ในคดี เรายอมรับในผลการตายของผู้ตาย แต่เราสู้ในเจตนาที่ไม่ได้ประสงค์ให้ถึงตาย แต่เป็นการทำร้ายที่อาจพลั้งมือไป จึงสู้ตามเจตนารมณ์และข้อเท็จจริงที่เป็นตามจริง ส่วนบางข้อหา เช่น ลักทรัพย์ หรือทำลาย เรารับสารภาพทั้งสิ้นตามฟ้องที่โจทก์บรรยายมา
การต่อสู้คดีในครั้งนี้ เราต้องการให้สังคมได้รับรู้ เราไม่ได้สู้คดีเพื่อให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ แต่สู้ตามผลการกระทำที่เป็นจริง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทนายหรืออัยการ ก็ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ แต่ในเมื่อเขายืนยันว่าเขาไม่มีเจตนาฆ่า และบทบัญญัติของกฎหมายถ้าไม่มีเจตนาฆ่าแต่ได้ทำร้ายถึงแก่ความตายก็ต้องดูตามนั้น ซึ่งบทบัญญัติก็มีอัตราโทษที่น้อยลง ตามลำดับ เป็นสิทธิ์ในการต่อสู้ ทนายเป็นเพียงแค่ตัวแทนในการต่อสู้คดี และสู้เต็มที่ตามความเป็นจริง จะเป็นอย่างไรขึ้นกับศาล เพราะคดีนี้อย่างไรเปรี้ยวกับเอิร์นได้รับการลงโทษอยู่แล้วตามการกระทำของเขา
ซึ่งทนายบอกอีกว่า ก่อนจะลงศาลทั้งเปรี้ยว เอิร์น แจ้ และวศิน ได้มีการไหว้ขออภัยแม่ผู้ตาย ทุกคนต่างก็สำนึกผิดไม่ใช่ตามกระแสข่าวที่บอกว่าไม่สะทกสะท้าน จริงแล้วๆ น้องทั้งสองคนก็ยังมีสำนึกผิด มีการขอโทษ ฝ่ายแม่ผู้ตายก็ยอมรับการไหว้ ซึ่งทุกฝ่ายก็มีแต่ความสูญเสีย ร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
นายบุญยงค์ แก้วฝ่ายนอก ทนายความของแจ้ บอกว่า แนวทางการต่อสู้ของแจ้ซึ่งเป็นทั้งจำเลยและพยาน ในส่วนของจำเลยก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่แจ้ไม่ได้รับในส่วนฆ่า แต่รับเช่นเดียวกับคนอื่นที่ร่วมหั่นศพและนำไปทิ้ง