ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เวลา 14.30 น. วันที่ 7 กันยายน ร.ต.อ.บรรจง พาโคตร ร.ต.อ.บรรเทิง ทัพโยธา รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยนายกิตติศักดิ์ ด้วงทา อายุ 39 ปี พี่ชาย ไปพบตัว น.ส.จิรานุช ที่บ้านนายม ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านเพื่อน ในสภาพมีอาการปวดขา เพราะไม่ได้ฉีดยารักษาโรคเบาหวานหลายวัน พร้อมรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้แคป สีดำ ทะเบียน ฒท 2475 กรุงเทพมหานคร จึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมนำตัว น.ส.จิรานุช พร้อมรถยนต์เดินทางกลับมากองบังคับการตำรวจ ภ.จว.อุดรธานี โดยมีนางทองยุ่น และญาติเดินทางมารอรับ
ต่อมาเวลา 16.30 น. ทั้งหมดเดินทางมาถึง พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง กก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ได้สอบถาม น.ส.จิรานุช ถึงสาเหตุการกุเรื่องพ่อแม่และญาติพี่น้องว่าพัวพันยาเสพติด และต้องไปเก็บเงินค่ายาบ้าให้ตำรวจอุดรธานี ซึ่ง น.ส.จิรานุช ให้การรับสารภาพว่า หลังจากสามีเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ก็ได้ขับรถไปหาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานที่ บ้านนายม ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ตนไม่อยากกลับบ้านจึงได้กุเรื่องโกหกพ่อแม่และญาติเรื่องพัวพันยาเสพติด และยังโทรศัพท์มาโกหกให้เพื่อนส่งเงินไปให้เที่ยวเตร่และใช้จ่ายกับเพื่อน ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตขนาดนี้
ต่อมาตำรวจได้เชิญนางทองยุ่นและญาติที่มารอรับเข้าไปพบ น.ส.จิรานุช นางทองยุ่นถึงกับโผเข้ากอดลูก พร้อมกับร้องไห้ บอกว่าให้อภัยลูกทุกอย่าง จะพบลูกอยู่ในสภาพไหนก็ยินดี แม้จะต้องติดคุกติดตาราง ดีกว่าไม่มีชีวิตรอดกลับมา ปัญหาต่างๆ สามารถแก้ไขได้ พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณตำรวจที่ช่วยติดตามลูกกลับมาสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง และไม่ดำเนินคดีกับ น.ส.จิรานุช พร้อมกราบขอโทษที่ลูกกุเรื่องว่าไปเก็บเงินยาบ้าให้ตำรวจอุดรฯ
พล.ต.ต.พีระพงศ์ เปิดเผยต่อว่า ตำรวจอุดรธานี เคยได้รับแจ้งคนหายคล้ายกับกรณีนี้มา 2 ครั้ง โดยกุเรื่องว่าถูกจับตัวไว้ กักตัวไม่ให้กลับบ้าน แต่ตำรวจมีหน้าที่ติดตาม และพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือโกหก เพื่อจะได้ดำเนินการช่วยเหลือ เมื่อพบว่าเป็นเรื่องโกหก ก็รู้สึกโล่งใจ และไม่ติดใจดำเนินคดีกับใคร และให้นำ น.ส.จิรานุช แม่และญาติเดินทางกลับบ้าน เพื่อให้ปรับความเข้าใจกัน