"ผู้ว่าฯ" สั่งตรวจสอบที่มา จระเข้ขุมน้ำหาดเลพัง

หลังจากชุดปฏิบัติการไล่ล่าจระเข้ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต,ชุดไกรทองลุ่มแม่น้ำตาปี ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคใต้ สุราษฎร์ธานี,เจ้าหน้าที่ภูเก็ตค๊อกโคไดส์เวิลด์ และชาวประมงพื้นบ้านคลองปากบาง ป่าตอง อ.กะทู้ จับขึ้นมาได้จากขุมน้ำสาธารณะใกล้หาดเลพัง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา และได้นำไปพักฟื้นไว้ในบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อรอแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนจากกรมประมง ทั้งนี้ได้ข้อสรุปว่า เป็นจระเข้น้ำเค็ม มีความยาวประมาณ 3 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ซึ่งมีการตั้งชื่อว่า "น้องเลพัง"
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ทางสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ทำการสำรวจพื้นที่แหล่งที่มีการแจ้งครอบครองจระเข้ โดยเฉพาะภายในสวนสัตว์และสถานจัดแสดงที่โชว์จระเข้ เพื่อตรวจสอบจำนวนและมาตรการในการดูแล ตลอดจนให้ร่วมกับทางอำเภอถลาง กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทำการเอ็กซเร่ย์ในรัศมีที่มีการเจอจระเข้ เพื่อจะได้ทราบที่มาของจระเข้ที่จับได้ตัวดังกล่าวว่ามาจากที่ใดและจะได้นำไปสู่การหาวิธีดำเนินการที่เหมะสม เบื้องต้นได้ตั้งข้อสมมุติฐานแหล่งที่มาของจระเข้ไว้3ข้อ คือสถานที่ที่แจ้งขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประมงจังหวัดทั้งจระเข้น้ำจืดและน้ำเค็ม, สถานที่แหล่งธรรมชาติ (ขุมเข้ ป่าชายเลน)ในพื้นที่ใกล้เคียง และสถานที่เสี่ยงในการลักลอบเลี้ยงโดยไม่แจ้งขึ้นทะเบียนเพื่อให้เกิดความชัดเจน
โดยล่าสุดทางเจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วใน 2 จุด คือ บริเวณแหล่งธรรมชาติในพื้นที่บางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ซึ่งเป็นจุดที่พบจระเข้ตัวดังกล่าว กับภายในสวนสัตว์ต่างๆ ในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งจากการตรวจสอบสวนสัตว์ภูเก็ต พบว่า มีทั้งจระเข้น้ำจืดและน้ำเค็ม โดยมีจำนวนจระเข้ครบตามที่ได้แจ้งไว้ นอกจากนี้สภาพบ่อเลี้ยงก็มีความแน่นหนา อีกทั้งบริเวณรอบสวนสัตว์ก็ไม่มีแหล่งน้ำ จึงมั่นใจได้ว่าจระเข้ไม่ได้หลุดไปจากสวนสัตว์แห่งนี้
จากการสอบถามนายไพศาล สุขปุณพันธ์ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ข้อมูลในการตรวจสอบพื้นที่ ว่า เพื่อจะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของจระเข้ที่มีการจับมาได้ที่ชัดเจน หากเป็นจระเข้ที่มาจากฟาร์มเลี้ยงก็ได้นำกลับมาไว้ยังที่ที่เขาอยู่มาก่อน แต่หากเป็นจระเข้จากธรรมชาติจริงๆ โดยจะต้องดูว่า หากจะนำไปปล่อยในแหล่งธรรมชาติจะต้องนำไปปล่อยที่ใด เพื่อให้เขาอยู่รอดได้ในธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่มีความกังวล แต่อย่างไรก็ตามจะพยายามเร่องดำเนินการในประเด็นต่างๆให้ได้ความชัดเจนในเร็ววัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะเดียวกันหลังจากที่มีกระแสดราม่ากรณี มีการถ่ายภาพออกไปและปรากฏเห็นคราบสนิมซึ่งอยู่ที่พื้นบ่อพัก โดยมีการเข้าใจผิดว่า เป็นรอยเลือดจากบาดแผลจระเข้ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นไปตามที่มีการกล่าวกัน ดังนั้นเพื่อป้องกันกระแสความเข้าใจผิดดังกล่าว เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (4 ก.ย.60) ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ทำการย้ายจระเข้ไปยังบ่อพักในบริเวณใกล้เคียงกัน แต่จะมีระดับความกว้างและความลึกของบ่อมากกว่าบ่อพักแรก ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพร่างกาย พบว่ายังคงมีความแข็งแรง มีการยึดเหยียดของขาหน้าและขาหลัง รวมทั้งมีการเคลื่อนย้ายไปมาในบ่อพักมากขึ้น