โดย นายวิรพล ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และระบุว่าจะขอไปให้การต่อสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ทั้งนี้ในการสอบปากคำมีทนายความส่วนตัวของนายวิรพล หรือเณรคำ ประมาณ 3 ทีม มาร่วมรับฟังการสอบสวน
พ.ต.อ.ไพสิษฐ์ บอกว่า เรื่องปาราชิกเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้อ่านใบปาราชิกให้รับทราบโดยเณรคำอ้างว่าไปพำนักอยู่ในต่างประเทศไม่รู้ว่าต้องปาราชิก โดยเณรคำได้ยินยอมถอดจีวร แต่ไม่เปล่งวาจาสึก ในช่วงพูดคุยถึงในขั้นตอนการรับตัวได้สอบถามเณรคำถึงเหตุผลที่ไม่อุทธรณ์คำสั่งส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
โดยเณรคำ ระบุว่าทนายความได้ยื่นอุทธรณ์ แต่ตัวเณรคำได้สั่งห้ามไม่ให้อุทธรณ์เพราะอยากกลับเมืองไทยพร้อมจะสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมของไทยสำหรับข้อหาความผิดในคดีอาญาที่ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องเณรคำรวม 2 ข้อหา แยกฟ้องเป็น 2 สำนวน
ประกอบด้วยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษที่ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี